“พีทีที โกลบอล เคมิคอล” มั่นใจปีนี้มีรายได้โตกว่า 8% พร้อมปิดความเสี่ยงขาดทุนสต๊อกน้ำมัน โดยทำเฮดจิ้งน้ำมัน 100% แย้มใช้เงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาททำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ซื้อหุ้น VNT และซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมระหว่าง VNT-ไทยอาซาฮี เคมีภัณฑ์
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)(PTTGC) เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เติบโตมากกว่า 8% จากปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 3.26 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 200 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นราว 8% จาก 3 โครงการใหม่ คือ โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต Olefins Reconfiguration Project (ORP) ที่เพิ่มกำลังการผลิตเอทิลีน 5 แสนตันต่อปี และโพรพิลีนอีก 2.5 แสนตันต่อปี โครงการโพรพิลีนออกไซด์ (Propylene Oxide : PO) และโครงการโพลีออลส์ (Polyols) รวมทั้งมาร์จิ้นผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีทั้งสายโอเลฟินส์และสายฟีนอลในช่วงครึ่งปีแรกสูงขึ้น จากราคาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้นทั้ง HDPE และ BPA สอดรับการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก แต่ช่วงครึ่งปีหลังนี้คาดว่ามาร์จิ้นปิโตรเคมีจะอ่อนตัวลง เป็นผลจากกำลังการผลิตตัวที่ล้นตลาด ส่งผลให้มาร์จิ้นการกลั่นอ่อนตัวลงไปด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจปีนี้จะไม่ประสบปัญหาขาดทุนสต๊อกน้ำมันเหมือนปีก่อนที่สูงถึง 7,156 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ปิดความเสี่ยงโดยการซื้อประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันล่วงหน้า (Hedging) ถึง 100% ที่ระดับราคา 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้น หากราคาน้ำมันดิบโลกต่ำกว่า 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล บริษัทฯ ก็จะไม่มีการขาดทุนสต๊อกน้ำมันแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อหรือควบรวมกิจการ (M&A) โครงการในต่างประเทศ เน้นธุรกิจพลาสติกที่มีสมรรถนะสูง (High Performance Plastic) ธุรกิจวัสดุเคลือบผิวและวัสดุกาวและสารสำหรับการยึดติด (Coating and adhesive) เนื่องจากเป็นธุรกิจที่บริษัทยังเคยผลิต และความนิยมพุ่งสูงขึ้นสอดรับเมกะเทรนด์ของโลก รวมทั้งราคาผลิตภัณฑ์สูง คาดว่าจะปิดดีลได้บ้างในปีนี้
นายคงกระพันกล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะใช้เงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาทในการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) (VNT) ในราคาหุ้นละ 39 บาท โดย AGC Inc. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ VNT ได้แสดงเจตนาที่จะไม่ขายหุ้นสามัญใน VNT จำนวน 58.78% คงเหลือหุ้น VNT ที่บริษัทฯ จะทำการเทนเดอร์ออฟเฟอร์จากผู้ถือหุ้นอื่นจำนวน 16.24% ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 นี้ก็จะดำเนินการเพิกถอนหุ้น VNT ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
หลังจากนั้นทาง AGC Inc. จะสนับสนุนการควบรวมระหว่าง VNT กับบริษัท ไทยอาซาฮี เคมีภัณฑ์ จำกัด (AGC-TH) ที่รวมบริษัท AGC Chemicals Vietnam จำกัด ในเวียดนามมาอยู่ภายใต้ AGC-TH แล้วเกิดบริษัทใหม่ที่มีการผลิตพีวีซีครบวงจรรายใหญ่ของอาเซียน คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในต้นปี 2565
บริษัทใหม่ดังกล่าว ทาง AGC Inc. จะถือหุ้นใหญ่ ขณะที่ PTTGC อาจพิจารณาซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัทใหม่ ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้จะส่งผลดีต่อการเติบโตพร้อมทั้งขยายฐานสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจปลายน้ำของบริษัท และพร้อมต่อยอดไปสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์คลอร์-อัลคาไลหรือโซดาไฟ และธุรกิจพีวีซีมีอัตราการเติบโตสูงในภูมิภาคอาเซียน และยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มในธุรกิจสายโอเลฟินส์ เนื่องจากบริษัทจะป้อนเอทิลีนซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตพีวีซีให้ VNT ตามแผนที่จะขยายกำลังการผลิตพีวีซีเพิ่มขึ้นจาก 1.9 แสนตันเป็น 3.8 แสนตัน/ปี