xs
xsm
sm
md
lg

PTTGC ทำเทนเดอร์ฯ VNT หุ้นละ 39 บาท ก่อนเพิกถอนออกจากตลาดฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



PTTGC ทำคำเสนอซื้อหุ้น VNT ทั้งหมดในราคาหุ้นละ 39 บาท หลังจากนั้นจะเพิกถอน VNT ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ โดย AGC Inc. แสดงเจตนารมณ์ไม่ขายหุ้นทั้งหมด 58.78% โดยมีข้อตกลงร่วมกันว่าหลังจากเพิกถอน VNT ออกจากตลาดฯ แล้วจะควบรวม VNT กับบริษัท AGC-TH เข้าด้วยกัน

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)(PTTGC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ นัดพิเศษครั้งที่ 1/2564 วันที่ 18 มีนาคม 2564 ได้มีมติอนุมัติเห็นชอบให้บริษัทฯ ประสานงานร่วมกับ AGC Inc. เกี่ยวกับแผนการเพิกถอนหลักทรัพย์ของ บริษัท วีนิไทย จากัด (มหาชน) (VNT) จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัทฯ จะเป็นผู้ทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ VNT (โดยไม่รวมหุ้นสามัญของ VNT ที่บริษัทฯ ถืออยู่) เป็นจำนวน 889,154,755 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 75.02 ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ของ VNT จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลกัทรัพย์ฯ ในราคา เสนอซื้อหุ้นละ 39 บาท

ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจปรับราคาเสนอซื้อได้ หาก (1) VNT มีการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น (2) VNT มีการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ เป็นผลให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นหรือลดลง หรือ (3) VNT มีการให้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนหรือใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิให้แก่ผู้ถือหุ้นตามส่วนจำนวนหุ้นที่ถืออยู่เดิม ภายใต้หลักเกณฑ์ของประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน

นอกจากนี้ ราคาเสนอซื้อดังกล่าวเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาสูงสุดที่คำนวณได้ตามวิธีการกำหนดราคาเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศที่ ทจ.12/2554 โดยปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ VNT ซึ่งถือหุ้นโดยตรง 296,038,689 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 24.98 ของทุนที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ VNT และ AGC Inc. เป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมกิจการของ VNT ซึ่งถือหุ้นโดยตรง 696,663,509 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 58.78 ของทุนที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ VNT

AGC Inc. ได้แสดงเจตนาที่จะไม่ขายหุ้นสามัญของ VNT ที่ AGC Inc. ถืออยู่โดยตรงทั้งหมด 58.78% ดังนั้น จำนวนหุ้นสามัญของ VNT ที่บริษัทฯ จะต้องรับซื้อจากผู้ถือหุ้นอื่นของ VNT จะมีจำนวนทั้งหมด 192,491,246 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 16.24 ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ VNT


บริษัทฯ จะดำเนินการทำคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ทั้งหมดของ VNT ภายหลังจากที่เงื่อนไขต่างๆ ดังนี้ คือ

1. ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ VNT มีมติอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ของ VNT จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ VNT และต้องไม่มีผู้ถือหุ้นคัดค้านการเพิกถอนหุ้นเกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้น

2. การเพิกถอนหลักทรัพย์ของ VNT จะต้องได้รับอนุมติหรือถือว่าได้รับอนุมัติจากหน่วยงานด้านการแข่งขันทางการค้าในประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศไต้หวัน และประเทศเกาหลีใต้

3. การเพิกถอนหลักทรัพย์ของ VNT จะต้องได้รับความยินยอมอนุมัติหรือผ่อนผันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ และคู่สัญญาอื่นๆ

บริษัทฯ ได้แต่งตั้งให้ บริษัท เดอะ ควอนท์ กรุ๊ป จำกัด ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาการเงินของบริษัทฯ ในการทำคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ทั้งหมดของ VNT และการประเมินมูลค่าหุ้นสามัญตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศ ที่ ทจ.12/2554

นอกจากนี้ หาก VNT สามารถดำเนินการเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สำเร็จ บริษัทฯ และ AGC Inc. มีแผนที่จะสนับสนุนการควบบริษัทระหว่าง VNT กับบริษัท ไทยอาซาฮี เคมีภัณฑ์ จำกัด (“AGC-TH”) (ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ AGC Inc. ถือหุ้นทั้งหมด) เกิดเป็นบริษัทใหม่ โดยก่อนการดำเนินการควบบริษัทดังกล่าวแล้วเสร็จ AGC-TH จะมีการปรับโครงสร้างโดยจะรวมธุรกิจของ AGC Inc. ในประเทศเวียดนามมาอยู่ภายใต้ AGC-TH โดย AGC-TH จะรับโอนเงินลงทุนจำนวนร้อยละ 78.112 ใน AGC Chemicals Vietnam Co., Ltd. มาจาก AGC Inc.

ทั้งนี้ การควบบริษัทระหว่าง VNT กับ AGC-TH จะมีการดำเนินการภายหลังจากที่ VNT สามารถทำการเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สำเร็จเท่านั้น

นอกจากนี้ ในกรณีที่มีการดำเนินการควบบริษัทระหว่าง VNT กับ AGC-TH และเกิดเป็นบริษัทใหม่ได้สำเร็จ บริษัทฯ อาจพิจารณาซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัทใหม่ตามจำนวนและราคาของหุ้นเพิ่มทุนที่บริษัทฯ จะได้พิจารณาต่อไป โดยในกรณีดังกล่าวบริษัทใหม่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนและหลักเกณฑ์ของ พ.ร.บ.บริษัทมหาชนและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องในการออกหุ้นเพิ่มทุน รวมถึงต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทใหม่ต่อไป

นายคงกระพันกล่าวว่า การลงทุนในครั้งนี้จะส่งผลดีต่อการเติบโต พร้อมขยายฐาน สร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจปลายน้ำของ PTTGC และพร้อมต่อยอดไปสู่ธุรกิจในส่วนของผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์คลอร์-อัลคาไล หรือโซดาไฟ (Chlor-Alkali) และธุรกิจ PVC ซึ่งมีอัตราการเติบโตในระดับที่สูง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าในธุรกิจสายโอเลฟินส์ให้กับบริษัท


กำลังโหลดความคิดเห็น