“สุพัฒนพงษ์” แนะคนไทยที่มีเงินออมนำเงินออกมาจับจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หวังจีดีพีไทยปีนี้จะโตได้ 4% หลังพบคนไทยออมพุ่งขึ้น 1.5-1.6 แสนล้านบาท ลั่นวัคซีน 63 ล้านโดสเตรียมไว้พร้อมแล้วไม่ต้องกังวล แถมมีเงินอีก 5 หมื่นตุนไว้จัดหาเพิ่มหากไม่พอ
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยระหว่างเป็นประธานเปิดและแสดงปาฐกถาพิเศษ “พลิกโควิดเป็นโอกาส ประเทศไทยไปต่อ” ว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่รัฐบาลเร่งตรวจเชิงรุกสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายใน 3 สัปดาห์จึงไม่ได้กระทบต่อเศรษฐกิจและการจ้างานเป็นวงกว้างเช่นที่หลายฝ่ายกังวล และขณะนี้รัฐบาลได้วางแผนนำเข้าวัคซีน 63 ล้านโดส และหากไม่พอก็ยังมีวงเงิน 50,000 ล้านบาทในการจัดหาเพิ่มเติม ดังนั้นปีนี้จึงเป็นปีที่สำคัญที่รัฐจะออกมาตรการให้ต่อเนื่องเพื่อประคองเศรษฐกิจต่อ เช่น เราเที่ยวด้วยกัน เราชนะ ม33 เรารักกัน และคนละครึ่ง อย่างไรก็ตาม อยากให้ประชาชนมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพราะจากการสำรวจพบว่าตัวเลขการออมเงินของคนไทยสูงขึ้นกว่า 11% หรือเป็นวงเงินประมาณ 1.5-1.6 แสนล้านบาทหากมีการใช้จ่ายก็จะช่วยผู้ที่ได้รับผลกระทบได้
“ขณะนี้เริ่มมีการฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยงสูงแล้ว และรัฐบาลได้วางแผนนำเข้าวัคซีนทั้งหมด 63 ล้านโดส ซึ่งเพียงพอต่อคนที่สามารถฉีดวัคซีนได้ หรือมีอายุ 18 ปีขึ้นไป คนละ 2 โดส แต่หากไม่เพียงพอขณะนี้ยังมีวงเงินประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ในการซื้อวัคซีนเพิ่มได้” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อต้นปีกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประเมินว่าจีดีพีไทยในปีนี้จะเติบโต 2.7% เนื่องจากยังได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวที่ยังไม่กลับมา แต่รัฐบาลได้วางเป้าหมายไว้ที่ 4% แต่จากการคาดการณ์จากหลายสำนักมองว่าปีนี้จีดีพีไทยจะโต 3% โดยเฉลี่ย ดังนั้นส่วนที่ยังขาด 1% หรือเป็นวงเงินประมาณ 1 แสนล้านบาท จึงต้องการให้คนไทยทุกคนช่วยกัน และดำเนินการตามมาตรการของรัฐเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า และเชื่อว่าเป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนช่วยกันได้
