MEA ลงนามเอ็มโอยู “นิวสกาย เอ็นเนอร์จี” ศึกษาแนวทางร่วมทุนโรงกำจัดมูลฝอยเพื่อผลิตไฟฟ้า 2 โครงการที่อ่อนนุช และหนองแขม เผยเตรียมเงินลงทุนราว 5 พันล้านบาท โดยให้บริษัทลูก คือ MEA Smart Energy Solution เป็นผู้ลงทุนหวังเสริมรายได้ หลังกำไรจากการขายไฟฟ้าหดจากโควิด-19 ด้านนิวสกาย เอ็นเนอร์จีฯ เรียกร้อง กกพ.เร่งออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าแบบ Fit โรงไฟฟ้าขยะชุมชน เพื่อเดินหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยหลังหดตัวจากโควิด-19
วันนี้ (22 มี.ค.) นายกีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับนายเหอ หนิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิวสกาย เอ็นเนอร์จี (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อศึกษาแนวทางการร่วมทุนโรงกำจัดมูลฝอยด้วยเตาเผาขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 ตันต่อวัน เพื่อผลิตไฟฟ้าโครงการละ 30 เมกะวัตต์ ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม 1 โครงการ และศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช 1 โครงการ นับเป็นความร่วมมือครั้งระหว่างรัฐวิสาหกิจสาธารณรัฐประชาชนจีน กับรัฐวิสาหกิจประเทศไทย โดยโครงการดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนำร่องระบบไมโครกริด เพื่อรองรับการขยายตัวของพลังงานทางเลือกในเขตพื้นที่เมืองหลวง และส่งเสริมการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา, ฯพณฯ หวาง ลี่ผิง อัครราชทูตที่ปรึกษาพาณิชย์สถานทูต สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ด้วย
นายกีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ์ ผู้ว่าการ MEA เปิดเผยว่า การลงนามสัญญาเอ็มโอยูในครั้งนี้ ทาง MEA ศึกษาแนวทางร่วมถือหุ้นในโรงกำจัดมูลฝอยด้วยเตาเผาขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 เมกะวัตต์ เพื่อผลิตไฟฟ้าโครงการละ 30 เมกะวัตต์ ที่หนองแขม และอ่อนนุชของบริษัท นิวสกาย เอ็นเนอร์จีฯ ทั้งในเรื่องการผลิตไฟฟ้าและระบบไมโครกริด โดยให้บริษัทลูก คือ MEA Smart Energy Solution เป็นผู้เข้าร่วมลงทุน ขณะนี้ได้เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการจัดตั้งบริษัท MEA Smart Energy Solution เพื่อลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทน อีวีชาร์จเจอร์และพลังงานอัจฉริยะ
ทั้งนี้ MEA ได้วางงบลงทุนในโครงการกำจัดมูลฝอยเพื่อผลิตไฟฟ้าที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยผลิตไฟฟ้าที่หนองแขมและอ่อนนุช ราว 5 พันล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะถือหุ้นในรูปแบบใด และสัดส่วนการถือหุ้นเป็นเท่าไร
นายกีรพัฒน์กล่าวว่า ในปีนี้ MEA คาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 2-3% มาอยู่ที่เฉลี่ย 8,200 เมกะวัตต์ จากปี 2563 ความต้องการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 8,100 เมกะวัตต์ ซึ่งลดลงจากปี 2562 ที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยถึง 8,500 เมกะวัตต์ โดยปี 2563 MEA มีกำไรสุทธิจากการขายไฟอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2559 มีกำไรสุทธิจากการขายไฟสูงถึง 1.1 หมื่นล้านบาท ลดลงเรื่อยๆ จากการย้ายฐานโรงงานไปต่างจังหวัดและได้รับผลกระทบจากการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ดังนั้น บริษัทลูกของ MEA จะเพิ่มรายได้และกำไรชดเชยกำไรจากการขายไฟฟ้าของ MEA ที่ลดลง
นายเหอ หนิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิวสกาย เอ็นเนอร์จี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้มีการทำประชาพิจารณ์โครงการกำจัดขยะมูลฝอยด้วยเตาเผาเพื่อผลิตไฟฟ้า ขนาดเตาเผามากกว่าวันละ 1,000 ตันเพื่อผลิตไฟฟ้าได้ 30 เมกะวัตต์ ที่ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยที่อ่อนนุชเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 9-11 มี.ค.ที่ผ่านมา และในวันที่ 29-31 มี.ค.นี้ บริษัทจะทำประชาพิจารณ์โครงการกำจัดขยะมูลฝอยด้วยเตาเผาเพื่อผลิตไฟฟ้าราว 30 เมกะวัตต์ ที่ศูนย์กำจัดขยะหนองแขม โดยทั้ง 2 โครงการจะใช้เงินลงทุนรวม 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะสามารถจำหนายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบได้ภายในปี 2567
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อยากเรียกร้องให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เร่งออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าแบบ Feed in Tariff (FiT) โครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชนที่ชัดเจน หลังจากก่อนหน้านี้เคยมีมติการรับซื้อไฟฟ้า FiT ที่ 3.66 บาท/หน่วย ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าจะยังเป็นตัวเลขเดิมหรือไม่ อีกทั้งอยากเรียกร้องให้รัฐผลักดันให้โครงการที่ผ่านประชาพิจารณ์แล้วเดินหน้าก่อสร้างได้ทันที แม้ว่าจะยังไม่ได้รับสัญญาการรับซื้อไฟฟ้า (PPA) จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก็ตาม เนื่องจากเป็นโครงการที่ภาคเอกชนจะเข้ามาลงทุนเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยหลังโควิด-19 ฉุดเศรษฐกิจหดตัว
ส่วน MEA จะเข้ามาร่วมถือหุ้นทั้ง 2 โครงการดังกล่าวผ่านบริษัท นิวสกาย เอ็นเนอร์จี (ประเทศไทย) ที่เป็นบริษัทโฮลดิ้ง หรือบริษัท นิวสกาย เอ็นเนอร์จี (แบงค็อก) ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ กทม.ในโครงการกำจัดขยะมูลฝอยเพื่อผลิตไฟฟ้าที่อ่อนนุช และบริษัท C&G ENVIROMENT PROTECTION (THAILAND) ที่เป็นคู่สัญญากับ กทม.ในโครงการกำจัดขยะมูลฝอยเพื่อผลิตไฟฟ้าที่หนองแขมนั้น ทาง MEA อยู่ระหว่างการพิจารณา และคาดว่าจะเข้ามาถือหุ้นไม่เกิน 25%
ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้มีการดำเนินโครงการกำจัดมูลฝอยด้วยเตาเผาเพื่อผลิตไฟฟ้า ขนาดเตาเผาวันละ 500 ตัน ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขมร่วมกับทางกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี 2559 โดยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบให้กับ MEA ต่อเนื่องมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เป็นเครื่องยืนยันถึงมาตรฐานและคุณภาพการดำเนินงานของบริษัทได้เป็นอย่างดี
ล่าสุดบริษัทฯ ยังได้เป็นผู้ให้สัญญากับกรุงเทพมหานครในการลงทุนพัฒนาโครงการกำจัดขยะมูลฝอยด้วยเตาเผาขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 ตันต่อวัน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าที่หนองแขม และอ่อนนุช รวมเป็นสองโครงการซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ และคาดว่าจะสามารถจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบได้ภายในปี 2567 โดยบริษัท นิวสกายฯ มีรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน (SDIC POWER : State Development & Investment Corporation) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่