“ศักดิ์สยาม” ลุยแผนเปิดเส้นทางเรือเฟอร์รี “สัตหีบ-สงขลา” รองรับท่องเที่ยวและขนส่ง เชื่อมภาคใต้และอีอีซี เดินทางเพียง 20 ชม. ล่าสุดกรมเจ้าท่าตรวจรับรองความปลอดภัย “ซี ฮอร์ส เฟอร์รี่” เตรียมเปิดตัว เม.ย.นี้
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายการเปิดให้บริการการขนส่งทางน้ำในเส้นทางระหว่างจังหวัดชลบุรี- จังหวัดประจวบคีรีขันธ์- จังหวัดสงขลา ว่าการเตรียมความพร้อมเปิดเส้นทางให้บริการเดินเรือ ระหว่างจังหวัดชลบุรี (ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ) - จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ - จังหวัดสงขลา ซึ่งมีบริษัท ซี ฮอร์ส เฟอร์รี่ จำกัด ให้ความสนใจเดินเรือในเส้นทางดังกล่าว โดยใช้เรือ ดิ บลู ดอลฟิน ความยาว 136.60 เมตร ขนาด 7,000 ตันกรอส ความเร็ว 17 นอต (31.48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งได้รับการตรวจรับรองความปลอดภัยจากกรมเจ้าท่าแล้วเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2564 และคนประจำเรือได้รับการฝึกอบรมตามข้อกำหนด
โดยมีความพร้อมในการปฏิบัติงาน ในระยะแรกจะเดินเรือในเส้นทางระหว่างจังหวัดชลบุรี-จังหวัดสงขลา ออกเดินทางจากท่าเรือพาณิชย์สัตหีบไปยังจังหวัดสงขลา และจะขยายเส้นทางเชื่อมโยงเข้ากับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในระยะต่อไป
ปัจจุบันเรือ ดิ บลู ดอลฟิน ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก BOI แล้ว และจะได้เคลื่อนย้ายเรือเพื่อไปทดลองการเดินเรือที่ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ คาดว่าจะทดสอบแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2564 และจะมีกิจกรรม Meet the Press ในช่วงเดือนเมษายน 2564
นายศักดิ์สยามการว่า ได้สั่งการเพิ่มเติม 1. ให้กรมเจ้าท่าเร่งรัดเตรียมการเพื่อให้สามารถเปิดให้บริการการขนส่งทางน้ำในเส้นทางดังกล่าวได้ตามแผนที่กำหนด โดยให้พิจารณาค่าระวางขนส่งทั้งในส่วนของรถบรรทุกและรถยนต์ส่วนบุคคลที่เหมาะสมและจูงใจให้มาใช้บริการ
2. ให้กรมเจ้าท่า กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) บูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการให้บริการขนส่งทางน้ำในเส้นทางดังกล่าว โดยให้ประมาณการปริมาณการขนส่งและการเดินทางในเส้นทางจังหวัดชลบุรี-จังหวัดประจวบคีรีขันธ์-จังหวัดสงขลา เพื่อวางแผนการขนส่งเชื่อมโยงท่าเรือ และการบริหารจัดการพื้นที่หลังท่า ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความคล่องตัว ไม่ให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด และบรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมตามที่นโยบายกำหนด
3. ให้กรมเจ้าท่าจัดเตรียมข้อมูลเพื่อการประชาสัมพันธ์ให้ครบถ้วน เช่น อัตราค่าระวาง ระยะเวลาที่ใช้ การบริหารจัดการ และประโยชน์ที่ได้รับ รวมทั้งให้จัดทำข้อมูลสถิติเปรียบเทียบระยะเวลาและต้นทุนในการขนส่งและเดินทางทางน้ำและทางบกระหว่างจังหวัดชลบุรี-จังหวัดสงขลาทั้งในส่วนของรถบรรทุกและรถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการขนส่งและบริษัทขนส่งในการพิจารณาคัดเลือกเส้นทางที่เหมาะสม
ทั้งนี้ การคมนาคมขนส่งทางน้ำในเส้นทางดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในการเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) เข้ากับระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor : SEC) ช่วยเพิ่มศักยภาพของการขนส่งทางน้ำ ลดต้นทุนและอุบัติเหตุจากการขนส่งทางบก และลดปัญหามลพิษฝุ่นละออง PM 2.5 ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งกรมเจ้าท่าจะได้ร่วมกับภาคเอกชนในการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวให้ประสบผลสำเร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่ากล่าวว่า เป้าหมายต้องการทำให้การเดินทางระหว่างภาคใต้กับภาคตะวันออกมีความสะดวก เรือออกจากภาคใต้ 14.00 น. ถึงสัตหีบ 10.00 น.ของอีกวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 ชั่วโมง โดยไม่ต้องขับรถยนต์ สามารถพักผ่อนบนเรือที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ซึ่งนอกจากประหยัดเวลาในการเดินทางแล้วยังประหยัดพลังงานได้อีกด้วย
สำหรับเรือ Blue Dolphin เป็นเรือเฟอร์รีที่สามารถบรรทุกทั้งผู้โดยสารและรถยนต์ เป็นเรือขนาดใหญ่ 3 ชั้น โดยเรือที่จะนำมาให้บริการเป็นเรือมือสอง อายุการใช้งานประมาณ 26 ปี นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ราคาประมาณ 200 ล้านบาท รองรับผู้โดยสารประมาณ 586 คน รองรับรถบรรทุกสินค้าได้ประมาณ 80 คัน รถยนต์ส่วนตัว 20 คัน ซึ่งประเมินว่าหากจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 60% จะนำเข้าเรือลำที่ 2 มาให้บริการ