ผู้จัดการรายวัน 360 - “เบอร์เกอร์คิง” แต่งตัวเข้าตลาดไก่ทอดเต็มตัว ยอมรับมาช้าไปแต่มั่นใจแจ้งเกิดได้แน่ ปั้นชิกเก้นคิงลุย หวังขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ
นายธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมอาหารโปรตีนจากไก่ถือเป็นอาหารที่คนไทยบริโภคมากที่สุดกว่าเนื้อสัตว์ประเภทอื่น และมีมูลค่ามากกว่า 25,000 ล้านบาทเมื่อปี 2562 เติบโตดีต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดคิวเอสอาร์รวมมูลค่ามากกว่า 18,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 7-9% ทุกปี โดยเป็นสัดส่วนของตลาดไก่ทอดมากกว่า 70% และเติบโตมากกว่า 8-10% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีแบรนด์ใหญ่ๆ ทำตลาดไก่ทอดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเคเอฟซีที่มีสาขามากกว่า 800 แห่ง แมคโดนัลด์ หรือเท็กซัสชิกเก้นของเครือ ปตท.ที่รับสิทธิ์จากต่างประเทศ แม้แต่เครือเซ็นกรุ๊ปก็ทำแบรนด์ชิกเก้นซี รวมไปถึงไก่ทอดเกาหลีที่เข้ามาทำตลาดในไทยเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบอนชอนที่ขยายสาขารวดเร็วมากขึ้น หรือแบรนด์ใหม่ เช่น ชุงมันจากเกาหลีที่มีมากกว่า 10 สาขาแล้ว กูกูจากเกาลี และอีกมาก
ทั้งนี้ เบอร์เกอร์คิงประเทศไทยก็มีความสนใจที่จะเข้าตลาดไก่ทอดอย่างเต็มรูปแบบเช่นกัน จากเดิมที่มีเมนูไก่บ้างแล้วแต่เป็นเพียงสแน็กเบาๆ แบบไก่ไม่มีกระดูกและเมนูข้าวไก่บ้าง ซึ่งยอมรับว่ามาช้าเกินไป แต่ก็ยังเป็นตลาดที่เติบโตดีและแข่งขันสูง แต่ครั้งนี้บริษัทฯ ใช้เวลาในการศึกษาพัฒนาเมนูไก่ทอดแบบมีกระดูกมาประมาณครึ่งปีแล้ว และได้ขออนุญาตจากทางบริษัทแม่ของเบอร์เกอร์คิงที่อเมริกาแล้ว จึงทำให้เราพร้อมที่จะเปิดตัวเมนูไก่ทอดชื่อ ชิกเก้นคิง มาบุกตลาดประเทศไทย เริ่มจำหน่ายวันอังคารที่ 16 มีนาคมนี้ โดยใช้งบการตลาดมากที่สุดก็ว่าได้เมื่อเทียบกับการเปิดตัวเมนูใหม่ทั่วไปอย่างที่ผ่านมา
ช่วงแรกจะมี 2 เมนู คือ ไก่ทอดแบบดั้งเดิม กับแบบเผ็ด มีความโดดเด่นที่รสชาติและหอมเจียวโรยหน้า ราคาโปรโมชัน 79 บาท ประกอบด้วย ไก่ทอด 1 ชิ้น กับเครื่องดื่มโค้ก 1 แก้ว จากปกติ ราคา 124 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม-31 พฤษภาคมนี้ ส่วนกลางปีนี้จะออกเมนูใหม่เพิ่มอีก เช่น เบอร์เกอร์ไก่ทอด เป็นต้น
นายธนวรรธกล่าวว่า การรุกตลาดไก่ทอดเต็มตัวครั้งนี้เพื่อต้องการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ที่อาจจะยังไม่เคยเข้าร้านเบอร์เกอร์คิงมาก่อน รวมถึงผู้บริโภคที่ไม่รับประทานเนื้อวัว อีกทั้งขยายฐานแฟนเบอร์เกอร์คิงที่รับประทานเนื้อเป็นหลักอยู่แล้วต้องการบริโภคไก่ด้วยเช่นกัน ซึ่งแต่เดิมเรามีเมนูรวมมากกว่า 40 เมนู เป็นเมนูเนื้อมากกว่าครึ่งหนึ่ง และยอดขายมาจากเนื้อมากกว่าครึ่งหนึ่ง แต่ที่ขายดีที่สุดก็คือ เนื้อวัว รองลงมาคือหมู และไก่ซึ่งน้อยมาก และสัดส่วนยอดขายมาจากเบอร์เกอร์มากกว่า 80% อีกทั้งเป็นการขยายฐานคนไทยมากขึ้นตามนโยบายโดยมีเมนูไก่เข้ามาเป็นตัวดึงลูกค้า
“เดิมทีเบอร์เกอร์คิงมีฐานลูกค้าต่างชาติเยอะมาก เราก็เริ่มทยอยมาขยายตลาดคนไทย อีกทั้งเมื่อมาเกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาด น่านฟ้าปิด กระทบต่อตลาดท่องเที่ยวต่างชาติหายไปเลย ต้องทำให้เร่งขยายฐานคนไทยมากขึ้น ขณะที่เรามีสาขาในแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก ก็ยังต้องปิดบริการอยู่ เช่น ที่ภูเก็ต มี 11 สาขา แต่เปิดได้เพียง 3 สาขา, ที่สมุย 1 สาขายังปิดอยู่ รวมถึงที่พัทยา กระบี่ กรุงเทพฯ บางสาขาก็ยังปิดอยู่ จากสาขาทั้งหมดที่เรามีประมาณ 117 สาขา เวลานี้รวมแล้วยังเปิดไม่ได้ถึง 13 สาขา ตอนนี้ลูกค้าต่างชาติมีไม่ถึง 10-15%” นายธนวรรธกล่าว
ส่วนกลุ่มเป้าหมายเบอร์เกอร์คิงขณะนี้มี 2 กลุ่มอายุหลัก คือ อายุ 30-39 ปี กับกลุ่มอายุ 18 ปีขึ้นไปที่เป็นวัยรุ่น ส่วนสาขามีกระจายอยู่ในปั๊มน้ำมันมากที่สุด 50% อยู่ในศูนย์การค้า 20% อยู่ในสนามบิน 20% และที่เหลือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและอื่นๆ ซึ่งปี 2564 นี้มีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่รวม 10 แห่ง เปิดไปแล้ว 4 สาขา ล่าสุดคือที่โรงพยาบาลกรุงเทพ และเดือนเมษายนจะเปิดสาขาที่ 5 ที่ถนนสายเอเชียไปอยุธยา ตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้จะกลับมาที่ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับเดิมเมื่อปี 2562 ก่อนที่จะเกิดโควิด และคาดว่าภายใน 3 ปีจะมีรายได้จากไก่ทอดสัดส่วน 15%