xs
xsm
sm
md
lg

“อินเด็กซ์” ผนึก “ซิงเกอร์เจมาร์ท” ลุยแฟรนไชส์ซักผ้าหยอดเหรียญ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - สงกรานต์นี้ไม่ช่วยอะไร ธุรกิจอีเวนต์ยังเงียบอยู่ งานบันเทิงงดจัดแน่นอน คาดเข้าไตรมาสสามเริ่มกลับมา “อินเด็กซ์” พร้อมบิลต์กลุ่มธุรกิจใหม่ต่อเนื่อง ทดแทนรายได้อีเวนต์ที่หายไป ล่าสุดจับมือ “กลุ่มเจมาร์ท” ในส่วนของซิงเกอร์ โดดเข้าตลาดเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญในรูปแบบแฟรนไชส์ ตั้งเป้าสิ้นปีนี้ได้ 200 สาขา มูลค่ารายได้ 50 ล้านบาท ดันรายได้กลุ่มโอนโปรเจกต์ปีนี้แตะ 100 ล้านบาท

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สัญญาณบวกของธุรกิจอีเวนต์ในช่วงนี้ยังเงียบอยู่ ขณะที่ไตรมาสสองปีนี้ถึงแม้จะอนุญาตให้มีการจัดงานสงกรานต์ได้ แต่เรื่องของการสาดน้ำก็ยังไม่ชัดเจน งานอีเวนต์บันเทิงจึงไม่มีเลย ที่พอเห็นคืองานมอเตอร์โชว์ ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์อีเวนต์จะเริ่มทยอยกลับมาในช่วงไตรมาสสามเป็นต้นไป

ในส่วนของอินเด็กซ์เอง กลุ่มธุรกิจอีเวนต์ปีนี้ค่อนข้างกระทบหนักมาก โดยเฉพาะในต่างประเทศไม่สามารถจัดได้เลย โดยเฉพาะในเมียนมา จากที่มีเรื่องของโควิด-19 เข้ามา ตอนนี้มีเรื่องของรัฐประหารเข้ามาอีก จึงต้องดูและสังเกตการณ์กันต่อไป ส่วนในประเทศนั้น บริษัทจะมุ่งเน้นสร้างธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็นกลุ่มนอนอีเวนต์ในรูปแบบจับมือพันธมิตรและต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อทดแทนรายได้ของงานอีเวนต์ที่สูญเสียไป


ล่าสุดได้ร่วมมือกับกลุ่มเจมาร์ท ในส่วนของบริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ด้วยการขยายธุรกิจใหม่ให้บริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ “KK Wash (เคเค วอช)” รูปแบบแฟรนไชส์ เจาะกลุ่มตลาดของผู้ที่มีงานประจำแต่ต้องการรายได้เสริม ซึ่งทางอินเด็กซ์จะดูเรื่องประชาสัมพันธ์และการตลาดให้ ส่วนทางซิงเกอร์ที่มีความแข็งแกร่งเรื่องของเน็ตเวิร์กครอบคลุมทั่วประเทศจะดูเรื่องของการดูแลรักษา ซึ่งในแง่รายได้ อินเด็กซ์จะมีรายได้เฉพาะจากการขายแฟรนไชส์เท่านั้น ส่วนทางซิงเกอร์จะมีรายได้จากการจำหน่ายเครื่องซักผ้าให้ รวมถึงบริการหลังการขาย

“KK Wash เป็นการต่อยอดจากความสำเร็จของแฟรนไชส์ KILL & KLEAN จากที่เปิดมา 1 ปีมีแฟรนไชส์อยู่ 26 แฟรนไชส์ อยู่ใน 30 เมือง 6 ประเทศ โดยหลังจากนี้จะมีการต่อยอดทำธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เน้นเป็นความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์เป็นหลัก กับธุรกิจที่มีโอกาสและศักยภาพ โดยหากพัฒนาออกมาในรูปแฟรนไชส์แล้วจะใช้แบรนด์ KK เป็นหลัก ซึ่งในปีนี้อาจจะได้เห็นอีกอย่างน้อย 1 ธุรกิจภายใต้แบรนด์ KK หรือในปีนี้กลุ่มแบรนด์ KK น่าจะมีรายได้ร่วม 100 ล้านบาท ส่วนความร่วมมือกับทางเจมาร์ทในอนาคตอาจจะมีออกมาอีก อย่างเช่น บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ที่ทำเรื่องเรียลเอสเตท เป็นต้น”


อย่างไรก็ตาม สำหรับ KK Wash มีจุดเด่นที่ลงทุนต่ำ คืนทุนไว โดยเฉลี่ยประมาณ 10 เดือน และยังได้รับผลตอบแทนสูงในอนาคต สร้างรายได้แบบ 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์คนที่ต้องการความสะดวกสบาย ไม่ค่อยมีเวลา แบ่งเป็น 3 แพกเกจ ได้แก่ 1. แพกเกจ ขนาด S เริ่มต้น 99,900 บาท ให้บริการด้วยเครื่องซัก 9.5 กก. 1 เครื่อง, เครื่องซักผ้า 15 กก. 1 เครื่อง, อุปกรณ์ตกแต่งร้าน และรายการส่งเสริมการขาย 2. แพกเกจ ขนาด M เริ่มต้น 239,000 บาท ให้บริการด้วยเครื่องซัก 9.5 กก. 3 เครื่อง, เครื่องซักผ้า 15 กก. 3 เครื่อง, เครื่องจำหน่ายน้ำยาซักผ้าอัตโนมัติ 1 เครื่อง, อุปกรณ์ตกแต่งร้าน และรายการส่งเสริมการขาย และ 3. แพกเกจ ขนาด L เริ่มต้น 349,000 บาท ให้บริการด้วยเครื่องซัก 9.5 กก. 2 เครื่อง, เครื่องซักผ้า 15 กก. 2 เครื่อง, เครื่องอบผ้า 10 กก. 2 เครื่อง เครื่องจำหน่ายน้ำยาซักผ้าอัตโนมัติ 1 เครื่อง, เครื่องแลกเหรียญ 1 เครื่อง, อุปกรณ์ตกแต่งร้าน และรายการส่งเสริมการขาย มั่นใจว่าถึงสิ้นปีนี้จะมีแฟรนไชส์ KK Wash 200 สาขา แบ่งเป็น ขนาด S 20% ขนาด M 60% และขนาด L 20% คิดเป็นมูลค่า 50 ล้านบาท

ปัจจุบันมีบริษัทผู้ให้บริการธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญประมาณ 300-400 ราย มูลค่าตลาดประมาณ 400-500 ล้านบาท ขยายตัวโดดเด่นที่สุด ถึงแม้ว่าตอนนี้ตลาดแฟรนไชส์เครื่องซักผ้าจะมีการแข่งขันที่สูง แต่ในประเทศไทยเองยังเป็นตลาดบลูโอเชียลอยู่ และยังมีช่องว่างให้เราสามารถแทรกตัวเข้ามาชิงเค้กส่วนแบ่งได้ ซึ่งมั่นใจว่าในอนาคต KK Wash ในแง่จำนวนสาขาสามารถเป็นผู้นำในตลาดได้ จากปัจจุบันอันดับ 1 ในตลาด มีจำนวนสาขาราว 250 สาขา




กำลังโหลดความคิดเห็น