ผอ.สนค.คนใหม่สั่งลุยทำแผนจุดยืนไทยหลังโควิด-19 จะไปในทิศไหนทาง ทั้งด้านการค้า การส่งออก การทำธุรกิจ ตั้งเป้า 100 วันมีคำตอบ พร้อมเร่งทำหน้าที่หน่วยงานมันสมองช่วยกรมต่างๆ วิเคราะห์แบบเจาะลึกในแต่ละเรื่อง เพื่อใช้ขับเคลื่อนการทำงาน และเตรียมหารือเอกชน หน่วยงานเศรษฐกิจ ทำยุทธศาสตร์การค้าไทย 5 ปี
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงแผนการทำงานหลังเข้ารับตำแหน่งใหม่ว่า สนค.กำลังอยู่ระหว่างการจัดทำยุทธศาสตร์ของประเทศไทย ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ว่าจะเดินไปในทิศทางไหน ทั้งในด้านการค้า การส่งออก และการทำธุรกิจ เพื่อใช้เป็นแนวทางให้กับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่สนใจ โดยจะมีการประเมินว่าในด้านการค้า จะมีรูปแบบอย่างไร เช่น อาจจะมีการใช้ช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น การส่งออก จะมีความต้องการสินค้ากลุ่มไหน สินค้าอะไรที่มีโอกาส หรือการทำธุรกิจ จะดูว่าธุรกิจอะไรที่มีแนวโน้มเติบโต เช่น ธุรกิจด้านดิจิทัล หรือบริการสุขภาพ เป็นต้น
“ตอนนี้โควิด-19 มีแนวโน้มที่จะคลี่คลาย หลังจากเริ่มมีการฉีดวัคซีน จึงต้องมาดูว่าประเทศไทยจะเดินไปในทิศทางไหน เพราะโควิด-19 ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจมากมาย ไทยจะสร้างโอกาสและตักตวงผลประโยชน์ได้อย่างไร โดยตั้งเป้าว่าภายใน 100 วันน่าจะมีคำตอบออกมา และจากนั้นจะนำเสนอให้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อพิจารณา และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อไป”
นายภูสิตกล่าวว่า สนค.ยังจะเดินหน้าทำหน้าที่ในฐานะเป็นหน่วยงานมันสมองของกระทรวงพาณิชย์ โดยจะหารือกับกรมต่างๆ ของกระทรวงฯ เพื่อให้ สนค.ช่วยวิเคราะห์แบบเจาะลึก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ทำได้ทุกเรื่อง เพราะ สนค.มีบุคลากรที่มีความสามารถอยู่มาก สามารถช่วยวิเคราะห์ หาข้อมูลได้ เพราะหน่วยงานอาจจะไม่มีเวลาลงลึกในแต่ละเรื่อง เนื่องจากต้องทำงานในภาคปฏิบัติ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของ สนค.ที่จะช่วยปิดช่องโหว่ตรงนี้ และเมื่อทำเสร็จแล้ว หน่วยงานก็สามารถนำไปใช้วางแผนหรือทำยุทธศาสตร์การทำงานได้
นอกจากนี้ กำลังอยู่ระหว่างการเดินหน้าจัดทำยุทธศาสตร์การค้าไทย 5 ปี ตามที่ได้รับมอบนโยบายจากนายจุรินทร์ โดยถือเป็นงานเร่งด่วนเพื่อให้มีไกด์ไลน์ในการทำงาน ซึ่งหลักการจะเน้นการทำยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แต่ยุทธศาสตร์ที่จะทำจะเป็นเรื่องที่ลงลึกมากกว่า เช่น การมองว่าอีก 5 ปีข้างหน้าทิศทางการค้าไทยจะเป็นอย่างไร ไทยจะเดินไปทางไหน มีสินค้าอะไรบ้างที่จะเติบโต หรือต้องส่งเสริมและผลักดัน
“ได้เริ่มทำงานแล้ว กำลังประสานผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อรับฟังความคิดเห็น ซึ่งจะเริ่มจากภาคเอกชนที่อยู่ในสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และองค์กรเอกชนอื่นๆ จากนั้นจะไปหารือกับหน่วยงานที่ทำหน้าที่ด้านเศรษฐกิจ ทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น สภาพัฒน์ แบงก์ชาติ และองค์กรด้านเศรษฐกิจ ก็จะไปพบ ไปหารือให้หมด เมื่อฟังมาแล้วก็จะนำมาสรุป และจัดทำเป็นยุทธศาสตร์ต่อไป” นายภูสิตกล่าว