นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ไขปัญหาสถานการณ์ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์สำหรับส่งออกสินค้า และเร่งพิจารณากำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโดยเร็ว
หลังจากภาคเอกชนได้หารือในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง จนนำมาซึ่งการปรับปรุงระเบียบของกรมเจ้าท่า อำนวยความสะดวกให้เรือใหญ่ที่บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เข้าเทียบท่าเรือที่แหลงฉบับได้สะดวกขึ้น ลดปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นอย่างชัดเจน
โดยเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่า ได้ออกประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 25/2564 เรื่อง กำหนดให้เรือที่มีความยาวมากกว่า 300 เมตร แต่ไม่เกิน 400 เมตร เข้าเทียบท่า สาระสำคัญคือ การกำหนดแนวปฏิบัติให้เรือที่มีความยาวมากกว่า 300 เมตร แต่ไม่เกิน 400 เมตร เข้ามายังประเทศไทยครั้งแรก ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จะต้องขออนุญาตจากกรมเจ้าท่า และเมื่อผ่านการพิจารณาแล้วไม่ต้องขออนุญาตอีกภายในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งคาดว่าการออกประกาศดังกล่าวจะช่วยให้สามารถนำเรือใหญ่ที่บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาเทียบท่าเรือได้เพิ่มขึ้นประมาณ ร้อยละ 20-30 ในเส้นทางหลัก และจะส่งเสริมให้มีการนำตู้เปล่าเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นเดือนละประมาณ 12,000 ตู้ ช่วยบรรเทาการขาดแคลนตู้สินค้าได้ และยังช่วยให้ค่าระวางเรือในการขนส่งจากประเทศไทยลดลงด้วย ซึ่งในกรณีดังกล่าวรัฐบาลได้รับการชื่นชมจากสภาหอการค้าฯ และภาคเอกชน ที่นายกรัฐมนตรีเล็งเห็นถึงความสำคัญ ตลอดจนความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหา และดำเนินการขับเคลื่อนแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยังศึกษาเพิ่มช่องทางการส่งออกแบบไม่ต้องใช้ตู้คอนเทนเนอร์ เช่น เรือสินค้าเทกองเรือ หรือแบบดั้งเดิม เพื่อเป็นทางเลือกในช่วงที่ตู้สินค้าขาดแคลน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีนโยบายชัดเจนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการขนส่งทางทะเลทั้งระบบ ปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ อำนวยความสะดวกในทุกมิติให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรองรับปริมาณการค้าโลกที่จะเพิ่มสูงขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 โลกคลี่คลาย ในปลายปีนี้