ราคาน้ำตาลตลาดโลกแตะ 17 เซ็นต์ต่อปอนด์ (ไม่รวมพรีเมียม) “อนท.” รีบฉวยโอกาสดีเร่งระบายขายน้ำตาลล่วงหน้าปี 2564/65 ยิ้มออกปี 2563/64 รอดไปอีกปีหลังมั่นใจทำราคาเฉลี่ยสูงส่งผลให้ราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 63/64 สูงกว่าขั้นต้นแน่นอนแล้ว ชาวไร่อ้อยยิ้มรับราคาแต่ผลผลิตอ้อยปี 63/64 แนวโน้มได้แค่ 64 ล้านตัน คาดไม่เกินกลาง มี.ค.ปิดหีบ
นายบุญถิ่น โคตรศิริ ที่ปรึกษาบริษัทอ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด (อนท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ อนท.อยู่ระหว่างการเตรียมเสนอเปิดประมูลซื้อขายน้ำตาลทรายดิบล่วงหน้าฤดูหีบปี 2564/65 ในต้นเดือนมีนาคมนี้ หลังจากที่ราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกซื้อขายส่งมอบเดือน ก.ค. 64 ได้ปรับขึ้นมาสู่ระดับ 17 เซ็นต์ต่อปอนด์ (ไม่รวมพรีเมียม) โดยปัจจุบัน อนท.ที่บริหารน้ำตาลทรายดิบ 8 แสนตันได้มีการเสนอขายผลผลิตในฤดูผลิตปี 63/64 ที่อยู่ระหว่างการเปิดหีบไปแล้ว 76% และจะทยอยขายที่เหลือได้หมดในเร็วๆ นี้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลทำให้ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 16.9 เซ็นต์ต่อปอนด์
“ราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกหากรวมพรีเมียมจะอยู่ราว 18-19 เซ็นต์ต่อปอนด์ ซึ่งที่ผ่านมาได้ใช้ราคาน้ำตาลทรายดิบ 16 เซ็นต์ต่อปอนด์ในการคำนวณราคาอ้อยขั้นต้นฤดูผลิตปี 63/64 จะเห็นว่าราคาที่อนท.ทำได้ก็จะทำให้ราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 63/64 จะสูงกว่าขั้นต้นแน่นอน และเมื่อเราทำราคาไว้ล่วงหน้าของฤดูผลิตใหม่ก็จะช่วยการันตีราคาไว้ล่วงหน้าได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว” นายบุญถิ่นกล่าว
นายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยและสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเขต 7กล่าวว่า ราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับราคาอ้อยขั้นต้นในฤดูหีบปี 2564/65 ให้อย่างน้อยมีโอกาสที่จะไม่ตกต่ำ โดยมีโอกาสจะมากกว่าปี 63/64 ที่ราคาอ้อยขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ 920 บาทต่อตันสูงหากราคาน้ำตาลตลาดโลกยังอยู่ในระดับดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลักที่ราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากสหรัฐอเมริกาเผชิญพายุหิมะส่งผลกระทบต่อหลุมผลิตน้ำมันลดลง ระดับราคาน้ำมันที่สูงทำให้บราซิลผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของโลกหันนำน้ำตาลไปผลิตเอทานอลเพิ่มขึ้น ซึ่งก็ต้องติดตามว่าจะสูงต่อเนื่องหรือไม่ ประกอบกับผลผลิตน้ำตาลหลายประเทศทั่วโลกลดต่ำซึ่งหนึ่งในนั้นคือไทยที่ขณะนี้การเปิดหีบฤดูหีบปี 63/64 ได้ดำเนินงานมาถึง 70-80% และเริ่มมีโรงงานบางแห่งปิดหีบแล้ว คาดว่าภาคอีสานจะปิดหีบทั้งหมดในสิ้นเดือนนี้ และไม่เกิน 15 มีนาคมน่าจะปิดหีบได้เกือบทั้งหมดทั่วประเทศ โดยกำลังผลิตอ้อยคาดว่าจะอยู่ไม่เกิน 64 ล้านตัน
“โรงงานน้ำตาล 57 แห่งหีบอ้อยมาถึงกว่า 70% แล้วผลผลิตอ้อยที่ได้อยู่ที่ราว 59 ล้านตันอีสาน ซึ่งถือเป็นภาคที่มีสัดส่วนอ้อยกว่า 40% สูงสุดกำลังทยอยปิดหีบในสิ้นเดือนนี้ จึงประเมินว่าอ้อยฤดูหีบปี 63/64 คงอยู่ที่ไม่เกิน 64 ล้านตันซึ่งถือว่าลดลงต่อเนื่องจากปี 62/63 ที่มีผลผลิต 74.89 ล้านตัน ซึ่งปัจจัยหลักๆ มาจากปัญหาภัยแล้งและราคาอ้อยที่ตกต่ำก่อนหน้านี้ต่อเนื่อง” นายนราธิปกล่าว
อย่างไรก็ตาม ชาวไร่อ้อยยังคงคาดหวังว่ากระทรวงอุตสาหกรรมจะเร่งทำตามสัญญาที่ให้ไว้ในการช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในเรื่องของการสนับสนุนการตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ที่เบื้องต้นทางสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้ทำเรื่องเสนอไปยังสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลังให้พิจารณางบสนับสนุนวงเงิน 6,720 ล้านบาท โดยช่วยเหลือเฉพาะอ้อยสดคิดเป็นตันละ 120 บาท ซึ่งหากเป็นไปได้ชาวไร่อ้อยต้องการให้ช่วยเหลืออ้อยทุกตันหากแต่เน้นอ้อยสดมากกว่า