กระทรวงอุตฯ รอหนังสือตอบกลับจากคลังก่อนนำเสนอ ครม.เพื่ออนุมัติขอวงเงินงบประมาณสนับสนุนการส่งเสริมตัดอ้อยสดลด PM 2.5 โดยยื่นการช่วยเหลือในอัตรา 120 บาทต่อตัน คิดที่ปริมาณอ้อย 56 ล้านตันหรือคิดเป็นวงเงิน 6,720 ล้านบาท ขณะที่ชาวไร่อ้อยหวังจะได้ข้อสรุปไม่เกิน ก.พ.นี้ รับเสนอไปให้ช่วยทั้งอ้อยไฟไหม้และอ้อยสดแต่ให้อ้อยสดมากกว่า
นายเอกภัทร วังสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ทำหนังสือไปสำนักงานประมาณ กระทรวงการคลัง เพื่อให้พิจารณาอัตราเงินงบประมาณเพื่อสนับสนุนการตัดอ้อยสดตามมาตรการภาครัฐเพื่อลดฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) โดยได้เสนอไว้ที่ตันละ 120 บาท ซึ่งประเมินอ้อยเข้าหีบปี 2563/64 ทั้งหมดอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 70 ล้านตัน คิดเป็นอ้อยสด 80% ที่ราว 56 ล้านตัน คิดเป็นวงเงินรวมประมาณ 6,720 ล้านบาท ซึ่งหากคลังทำหนังสือตอบกลับจึงจะรวบรวมความเห็นเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติวงเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยต่อไป โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 สัปดาห์นี้
“ฤดูหีบที่ผ่านมาเราทำเรื่องเสนอ ครม.ไปเพื่อช่วยปัจจัยการผลิต โดยเป็นวงเงิน 10,000 ล้านบาท และช่วยเหลือทุกตันอ้อยแต่เน้นอ้อยสดสูงกว่า ซึ่งทางคลังได้ท้วงติงถึงปริมาณอ้อยว่าไม่เหมาะสมกับข้อเท็จจริงครั้งนี้ เราเลยทำเรื่องให้ทางคลังพิจารณาไปเลยแล้วค่อยนำเสนอ ครม.เห็นชอบ ดังนั้นจึงต้องรอหนังสือตอบกลับจากคลังเป็นสำคัญว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ อย่างไร” นายเอกภัทรกล่าว
สำหรับการเปิดหีบอ้อยฤดูหีบปี 63/64 เริ่มตั้งแต่ 15 ธ.ค. 2563 เป็นต้นไป โดยได้มอบหมายให้ดำเนินการตามมาตรการภาครัฐที่กำหนดให้ส่งเสริมการตัดอ้อยสดให้ได้ 80% ต่อวัน และลดปริมาณอ้อยไฟไหม้ลงเหลือ 20% ต่อวันในฤดูหีบปีนี้ ก่อนจะนำไปสู่เป้าหมายสุดท้ายไม่ให้มีอ้อยไฟไหม้ใน 3 ปี หรือให้เหลือ 0-5% ต่อวัน ภายในฤดูหีบ 2564/65
นายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และหัวหน้าสำนักงานสมาคมชาวไร่อ้อย เขต 7 กล่าวว่า ขณะนี้ชาวไร่อ้อยทั่วประเทศยังคงติดตามนโยบายจากภาครัฐในการช่วยเหลือราคาอ้อยขั้นต้นฤดูหีบปี 2563/64 เพิ่มเติมจากที่ประกาศไว้ 920 บาทต่อตัน (10 ซีซีเอส) โดยเบื้องต้นรับทราบว่าทาง สอน.กำลังเร่งดำเนินการอยู่ คาดหวังว่าไม่เกินปลาย ก.พ.ชาวไร่อ้อยน่าจะได้รับข่าวดี
“ยอมรับว่าชาวไร่อ้อยยังเห็นแย้งกับภาครัฐที่มุ่งเน้นช่วยเฉพาะอ้อยสดเท่านั้น แต่ชาวไร่อ้อยอยากให้ช่วยทุกตันอ้อยแต่อ้อยสดจะได้มากกว่า ส่วนจะเท่าใดก็อยู่ที่รัฐเพราะเห็นว่าอ้อยไฟไหม้บางครั้งเกษตรกรก็ไม่ได้เป็นผู้กระทำ แต่ทั้งนี้ก็คงจะต้องดูนโยบายรัฐเป็นสำคัญ” นายนราธิปกล่าว
สำหรับปริมาณอ้อยปี 63/64 ที่กำลังหีบอยู่คาดว่าจะอยู่ 65-67 ล้านตัน เนื่องจากอ้อยบางส่วนได้รับผลกระทบจากภัยแล้งต่อเนื่อง ซึ่งปริมาณอ้อยที่ยังคงลดต่ำทำให้คาดว่าโรงงานจะมีการทยอยปิดหีบกลางเดือน มี.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม จากผลผลิตอ้อยที่น้อยส่งผลให้โรงงานต่างๆ มีการแย่งชิงอ้อยข้ามเขตสูงขึ้นกว่าอดีตที่ผ่านมา โดยเสนอราคาให้ระดับ 1,300-1,400 บาทต่อตัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการประกาศรับซื้อจากหัวหน้าโควตารายใหญ่ๆ ที่ต้องมีทุนเพราะต้องรวมค่าขนส่งที่ไกลขึ้น ขณะเดียวกัน ยังมีการซื้อใบอ้อยเพิ่มขึ้นเพราะต้องการนำไปทำเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพราะชานอ้อยลดต่ำลง