กาฬสินธุ์ - สลด พ่อเฒ่าวัย 70 ปีจุดไฟเผาตอซังข้าวก่อนลามไหม้ไร่อ้อยข้างเคียง จึงเรียกเพื่อนบ้านช่วยดับและตัวเองช่วยดับด้วยแต่กลับถูกไฟคลอกดับอนาถ คาดสำลักควันไฟหรืออาจจะหนีออกมาไม่ทัน เตือนอย่าจุดไฟเผาทุกกรณี นอกจากเสี่ยงอันตรายแล้วยังเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 28 มกราคม 2564 พ.ต.ต.วสุวัฒน์ หลานวงษ์ สารวัตรเวร สภ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ รับแจ้งเหตุมีคนถูกไฟคลอกเสียชีวิตในไร่อ้อยพื้นที่บ้านป่าหวาย ม.4 ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ หลังรับแจ้งจึงรายงานไปยัง พ.ต.อ.โสณกุญช์ ทรัพย์สมบัติ ผกก.สภ.ห้วยเม็ก และเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและให้การช่วยเหลือพร้อมด้วยอาสาสมัครกู้ภัยสมาคมร่วมใจกาฬสินธุ์การกุศลจุดห้วยเม็ก และแพทย์เวรโรงพยาบาลห้วยเม็ก
โดยที่เกิดเหตุอยู่บริเวณท้ายหมู่บ้านพบศพนายบุญคง วรรณบุรี อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 187 บ้านหนองหว้า ม.3 ต.ชื่นชม อ.ชื่นชม จ.มหาสารคาม นอนเสียชีวิตอยู่ในไร่อ้อย สภาพถูกไฟไหม้ตามร่างกายจนเกือบเกรียมทั้งตัวและผิวหนังลอก
จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นชาวบ้านหนองหว้า ม.3 ต.ชื่นชม อ.ชื่นชม จ.มหาสารคาม แต่มีที่นาอยู่ในพื้นที่บ้านป่าหวาย ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อทั้งสองจังหวัด
โดยก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงสายที่ผ่านมานายบุญคงได้ออกมาที่นาตัวเองแล้วจุดไฟเผาตอซังข้าว หรือตอฟาง และหญ้าแห้ง ก่อนที่ไฟจะลุกลามไหม้เข้าไปยังไร่อ้อยของเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน
นายบุญคงจึงเรียกเพื่อนบ้านใกล้เคียงมาช่วยกันดับ และตนเองก็ได้เข้าไปช่วยดับไฟในไร่อ้อยด้วย เนื่องจากเกรงว่าไฟจะลุกลามไปถึงบ้านเรือนชาวบ้าน จากนั้นสักพักใหญ่ชาวบ้านสามารถดับไฟได้แล้ว ปรากฏว่าไม่เห็นนายบุญคงออกมาจากในไร่อ้อยจึงพากันออกตามหา กระทั่งมาพบว่าถูกไฟคลอกเสียชีวิตแล้ว
ส่วนสาเหตุเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าผู้เสียชีวิตซึ่งมีอายุมาก การที่เข้าไปดับไฟที่กำลังลุกไหม้ในไร่อ้อยอาจจะเกิดการสำลักควัน ประกอบกับมีโรคประจำตัวคือหอบหืด หรืออาจจะหนีออกมาจากเปลวไฟไม่ทัน จึงทำให้ถูกไฟคลอกเสียชีวิตดังกล่าว ทั้งนี้ญาติไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิตเจ้าหน้าที่จึงได้มอบศพให้นำกลับไปบำเพ็ญกุศล
พร้อมฝากเตือนประชาชน โดยเฉพาะผู้มีอาชีพทำการเกษตรอย่าจุดไฟเผาต่อซังข้าว ไร่อ้อย หรือพืชผลการเกษตร เพราะนอกจากจะผิดกฎหมายเสี่ยงเกิดอันตรายแล้ว ยังส่งผลกระทบด้านมลพิษทางอากาศอีกด้วย