ส.อ.ท.ผวารัฐประหารเมียนมาทำนานาชาติอาจแซงก์ชันได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบเศรษฐกิจเมียนมาที่เคยเติบโตสูงชะลอตัว แนะรัฐบาลเน้นวิธีเจรจาป้องลงทุนไทยในเมียนมาไม่ให้กระทบ มั่นใจค้าชายแดนไม่กระทบมาก แต่ต้องระวังแรงงานเมียนมาอาจไหลบ่าเข้าไทย
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ส.อ.ท.กำลังติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิดหลังเกิดการทำรัฐประหารขึ้นซึ่งจะทำเมียนมาถูกประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่อต้าน (แอนตี้) สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และองค์การสหประชาชาติ (UN) และมีโอกาสโดนแซงก์ชันสูงมาก ดังนั้นมีโอกาสที่การลงทุนในเมียนมาต้องหยุดชะงักงัน ซึ่งไทยจำเป็นจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและอย่าอิงกระแสตะวันตก ขอให้เน้นการเจรจาเป็นสำคัญ
“เศรษฐกิจของเมียนมาจากเดิมที่โตปีละ 6-7% โอกาสเติบโตจะลดลงได้ในปีนี้ ซึ่งการลงทุนไทยในเมียนมาปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนการปิดด่านชายแดนไทยและเมียนมานั้น มองว่าไม่กระทบมาก เพราะเชื่อว่าเป็นการปิดด่านค้าชายแดนชั่วคราวอาจใช้ระยะเวลา 30 วันในการเคลียร์ปัญหาในประเทศแล้วกลับมาเปิดด่านชายแดนเพราะเมียนมาต้องพึ่งพาสินค้าจากไทย” นายสุพันธุ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ส่วนภาคแรงงานไม่น่าจะได้รับผลกระทบ เพราะแรงงานเมียนมาในไทยปัจจุบันมีเพียงพอต่อกำลังการผลิต และยิ่งเศรษฐกิจเมียนมาไม่ดี แรงงานก็จะไหลเข้าไทยมากขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องพึงระวังด้วย
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า แม้ว่าในระยะแรกนี้จะยังไม่กระทบต่อการค้าและการลงทุนใดๆ แต่สิ่งที่กังวลคือผลกระทบทางอ้อมที่อาจส่งผลให้เกิดการไหลของแรงงานจากเมียนมามายังไทยได้ ซึ่งจะทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ล่าช้าได้อีก ซึ่งเห็นว่าหากรัฐสามารถควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้จบภายในไม่เกินมีนาคม 2564 นี้โอกาสที่การเติบโตของเศรษฐกิจจะขยายตัวในระดับ 2.5-2.6% มีความเป็นไปได้สูง แต่หากการควบคุมการแพร่ระบาดยิ่งยืดเยื้อไปมากเท่าใดก็จะยิ่งส่งผลกระทบมากขึ้นเท่านั้น
“ขณะนี้ทั่วโลกต่างก็มีความหวังจากการที่หลายประเทศเริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มากขึ้น โดยปีนี้เศรษฐกิจโลกยังโตเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ทำให้เศรษฐกิจไทยส่วนหนึ่งจะได้รับผลพวงในเรื่องของการส่งออกและการท่องเที่ยวแต่จะมากน้อยแค่ไหนยังต้องติดตามผลอย่างใกล้ชิด ส่วนไทยเองนั้นส่วนหนึ่งคือการควบคุมให้การแพร่ระบาดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดโดยเฉพาะสมุทรสาครที่รัฐเร่งปูพรมตรวจเชิงรุกหากทำได้จบ มี.ค.นี้ภาพรวมก็จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นจะเกิดขึ้นทั้งไทยและต่างชาติ” นายเกรียงไกรกล่าว