“จุรินทร์” รับทราบผลสอบข้อเท็จจริง อคส.จัดซื้อถุงมือยาง 1.125 แสนล้านบาทแล้ว สั่งการให้เอาผิดตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือใหญ่แค่ไหน ด้านคณะกรรมการสอบวินัย “พ.ต.อ.รุ่งโรจน์-เจ้าหน้าที่ อคส. 2 ราย” ที่มีเอี่ยวเดินหน้าสอบแล้ว คาด 15 วันรู้ผล เร็วกว่าเส้นตาย 30 วันที่ตั้งไว้ พร้อมแฉไทม์ไลน์จัดซื้อ “บิ๊ก อคส.” สั่งการจัดซื้อถุงมือยางแบบเร่งด่วน ทำเสร็จใน 2 เดือนก่อน ผอ.อคส.คนใหม่จะรับตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ได้รับทราบผลการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มีนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน กรณี พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) และพวก จัดซื้อถุงมือยางไนไตร 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ อคส.จ่ายเงินค่ามัดจำสินค้า 2,000 ล้านบาทให้กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ผู้ผลิตถุงมือยางแล้ว และได้สั่งการให้นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส. ดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ เพื่อเอาผิดทั้งทางวินัย อาญาและแพ่งต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นใคร หรืออยู่ในระดับใดก็ตาม
ส่วนคณะกรรมการสอบวินัย ที่นายเกรียงศักดิ์ได้แต่งตั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้เริ่มสอบความผิดทางวินัย พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ และเจ้าหน้าที่ อคส.ระดับนักบริหาร 8 ทั้ง 2 คน ที่ผลสอบข้อเท็จจริงสรุปว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อถุงมือยางแล้ว โดยตั้งเป้าหมายจะสอบให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน เร็วกว่ากำหนดที่ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ซึ่งเบื้องต้นพบว่าทั้ง 3 คนมีความผิดวินัยร้ายแรง คาดว่า อคส.จะสั่งให้พักงานไปก่อนจนกว่าคดีจะเสร็จสิ้น
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ อคส.ทั้ง 2 รายได้ให้ปากคำต่อคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงว่า ได้ดำเนินการในกระบวนการจัดซื้อถุงมือยางตามคำสั่งของผู้สั่งการที่มีตำแหน่งใหญ่ใน อคส. เช่น วันที่ 1 ก.ค. 2563 บุคคลรายนี้ได้เรียก 1 ใน 2 เจ้าหน้าที่ไปพบที่ห้องทำงานใน อคส. และให้พบกับบุคคลอื่นอีก 3 ราย เพื่อพูดคุยถึงแผนการจัดซื้อถุงมือยาง, วันที่ 30 ก.ค. 2563 เจ้าหน้าที่ อคส.คนเดิมถูกเรียกมาพบที่ห้องทำงาน และให้พบกับบุคคลรายหนึ่งที่เป็นตัวกลางจัดหาผู้ที่จะมาซื้อถุงมือยางจาก อคส. และผู้ขายถุงมือยางให้ อคส. คือ บริษัท การ์เดียน โกลฟส์
ต่อมา วันที่ 17 ส.ค. 2563 บุคคลรายนี้เรียกเจ้าหน้าที่ อคส.คนเดิมให้ตรวจสอบโรงงานการ์เดียนโกลฟส์, วันที่ 25 ส.ค. 2563 เจ้าหน้าที่ อคส.รายเดิมถูกเรียกมาพบ โดยมีผู้ที่จะขอซื้อถุงมือยางจาก อคส. 7 ราย มารอหารือ และสั่งการให้ร่างสัญญาซื้อขายถุงมือยาง, วันที่ 26 ส.ค. 2563 เจ้าหน้าที่ อคส. คนเดิมถูกเรียกมาพบ และสั่งการให้ทำสัญญากับผู้ซื้อ 3 รายแรก, วันที่ 27 ส.ค. 2563 ตัวกลางผู้จัดหาผู้ซื้อและขายถุงมือยางมาให้ อคส.ได้ส่งหนังสือเสนอราคาของการ์เดียน โกลฟส์มาให้ อคส., วันที่ 28 ส.ค. 2563 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ อคส.คนเดิมทำสัญญากับการ์เดียน โกลฟส์ และเร่งโอนเงินมัดจำ 2,000 ล้านบาทให้การ์เดียน โกลฟส์, วันที่ 31 ส.ค. 2563 อคส.ทำสัญญากับการ์เดียน โกลฟส์, วันที่ 2 ก.ย. 2563 อคส.โอนเงินให้การ์เดียน โกลฟส์ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดดำเนินการในเวลาเพียง 2 เดือน ก่อนที่นายเกรียงศักดิ์จะรับตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่ ในวันที่ 10 ก.ย. 2563
สำหรับเงิน 2,000 ล้านบาทที่ อคส.จ่ายเป็นค่ามัดจำ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อายัดได้เพียง 800 ล้านบาท เพราะหลังจาก อคส.โอนเงินให้การ์เดียน โกลฟส์แล้ว บริษัทได้รีบถอนออกจากบัญชีทันทีประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบริษัทได้ทยอยถอนออกมากกว่า 140 ครั้ง โดยคาดว่า ป.ป.ช.จะปิดสำนวนการสืบสวนสอบสวนทุจริตซื้อถุงมือยางได้ในเร็วๆ นี้ และคาดว่าน่าจะชี้มูลความผิดผู้สั่งการที่อยู่เบื้องหลัง และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดได้อย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ผลสอบของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง พบว่า พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ทำผิดกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลายฉบับ ขณะที่เจ้าหน้าที่ อคส.ระดับนักบริหาร 8 ทั้ง 2 ราย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ซึ่งเบื้องต้นมีความผิดทั้งวินัย อาญา และแพ่ง