การตลาด - SEAC (Southeast Asia Center) ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต แห่งภูมิภาคอาเซียน เผยการปรับตัวของ “องค์กร” และ “ศักยภาพคน” เตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงในโลก VUCA World ชี้เป้าปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยรอด ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ต้อง “ปรับ” และ “เปลี่ยน” การเรียนรู้สู่โลกทำงานและยกระดับธุรกิจในอนาคต
น.ส.อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC (Southeast Asia Center) ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “ในปี 2564 นี้ ทุกองค์กรต่างเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ บางองค์กรได้รับแรงเสริมเป็นปัจจัยบวก ส่งผลให้ธุรกิจดำเนินได้ด้วยดี
แต่สำหรับองค์กรที่ได้รับปัจจัยเชิงลบ ส่งผลต่อการบริหารธุรกิจเป็นระลอก ในจำนวนองค์กรที่ไม่สามารถต้านทานกระแสเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาได้นั้น อาจเป็นเพราะไม่ได้วางระบบภูมิคุ้มกัน นั่นคือ “การทรานส์ฟอร์มองค์กร” และ “เสริมศักยภาพคนด้วย New Skills” เพื่อให้องค์กรมีรากฐานการเปลี่ยนแปลงที่มั่นคง และสามารถปรับตัวได้เท่าทันเข้ากับกระแสเศรษฐกิจในปัจจุบัน
สิ่งหนึ่งที่ทุกองค์กรต้องรู้ คือ ความไม่แน่นอนของโลกเศรษฐกิจในวันนี้ยังจะคงอยู่กับเราต่อไป แต่จะนานแค่ไหน หรือจะจบเมื่อไหร่ไม่มีใครกำหนดได้ หรือที่เรียกว่าวิกฤต VUCA World หลังโควิด-19 ดังนั้น ทุกองค์กรต้องไม่นิ่งนอนใจและเตรียมความพร้อมที่จะเผชิญความท้าทายครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้น และต้องใส่ใจกับตัวแปรที่มีนัยสำคัญ นั่นคือการทรานส์ฟอร์ม “คน” ให้สำเร็จ เพราะต่อให้องค์กรมีเทคโนโลยีที่ดีที่สุด มีข้อมูล Data ที่มากที่สุด แต่ถ้าคนไม่เปลี่ยนวิธีคิด สิ่งเหล่านั้นจะไม่เกิดประโยชน์ และองค์กรจะสำเร็จยากขึ้น
ดังนั้น การเสริมภูมิศักยภาพให้ “คน” เกิดวิธีคิดแบบ “Lifelong Learning Mindset” เพื่อค้นหาวิธีการและทักษะใหม่ New Skillset ด้วยตัวเอง ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจมากที่สุด
ล่าสุด SEAC ได้จัดงาน SEAC Talks Forum: Essential Skills for Thai Workforce 2021 เพื่อร่วมเสวนาข้อมูล สู่การยกระดับศักยภาพคน สังคม และธุรกิจไทย บนบริบทที่เป็นคำถามของสังคมไทยว่า “ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ต้อง “ปรับ” และ “เปลี่ยน” การเรียนรู้สู่โลกทำงานและยกระดับธุรกิจในอนาคต” พร้อมชี้ภาพกระแส NEW WORKFORCE 2021 เพื่อให้องค์กรสามารถเตรียมปรับรูปแบบการทำงานใหม่ๆ กับความท้าทายใหม่ ทั้งองค์กรและคนทำงานทุกคน ได้แก่
1. Cross-gen Workforce กับคนทำงาน 4 เจนเนอเรชั่นที่มาทำงานร่วมกันในองค์กร การเพิ่มเจนใหม่เข้ามาร่วมทำงาน และนับเป็นตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อโลกธุรกิจยุคใหม่ คือ เด็ก Gen Z กลุ่มคนที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัย ที่อยู่แวดล้อมที่แตกต่าง มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีความคิดสร้างสรรค์ และชอบความท้าทาย นับเป็นโจทย์ที่ท้าทายองค์กรว่าต้องทำอย่างไร ถึงจะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานได้ เพราะใช้วิธีการรูปแบบเดิมๆ จะไม่สามารถใช้กับ Gen Z ได้ต่อไป องค์กรต้องเร่งปรับและแสวงหารูปแบบ วิธีการทำงาน วิธีการสื่อสารใหม่ๆ ที่จะตอบโจทย์การทำงาน เพื่อให้ทั้ง 4 Generations สามารถทำงานด้วยกันและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
2. Remote Work ที่เป็น Now Normal สถานที่ทำงานอาจไม่ใช่คำตอบของการทำงานอีกต่อไป ยิ่งหลังสถานการณ์โควิด-19 หลายองค์กรหันมาทำงานแบบ Remote Work มากขึ้น ดังนั้น โจทย์ขององค์กรในอนาคต คือ ต้องทำอย่างไรที่จะสามารถสร้าง Engagement ระหว่างคนและองค์กรรูปแบบใหม่ๆ สร้างการสื่อสารแบบไหน
การประเมินผลสำหรับการปฏิบัติงานเป็นอย่างไร รวมถึงรูปแบบการบริหารจัดการกลุ่มคนที่ทำงานจากต่างสถานที่กัน ซึ่งเรายังต่อเรียนรู้และนำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนในการทำงานแบบระยะไกลมากขึ้น มากกว่าการประชุม ผ่านแอปพลิเคชันที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
3. Revisit และปรับการสื่อสารภายในองค์กรอย่างจริงจัง ปีหน้าสภาวะของเศรษฐกิจและธุรกิจยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้น องค์กรต้องเน้นสื่อสารให้ถี่ขึ้น ต่อเนื่องมากขึ้น และโจทย์สำคัญ คือ องค์กรจะสื่อสารกับคนในองค์กรอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ สามารถแย่งชิงเนื้อหา ข้อมูลบนโลกออนไลน์ที่ปริมาณต่อวันเยอะมากๆ ได้
รวมทั้งทำอย่างไรให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการเนื้อหาที่สั้น กระชับ ตรงประเด็นและถี่มากที่สุด รวมถึงมีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น
4. Work Life Integration เทรนด์ใหม่กับชีวิตที่ไม่ต้อง Balance คือ การผสมผสานชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวเข้าด้วยกัน “คน” ต้องมาเริ่มเปลี่ยน Mindset ใหม่ว่า จะทำอย่างไรให้งานและชีวิตสามารถ เป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งกว่า 80% ขององค์กรระดับโลกให้ความสนใจและเริ่มหันมาทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง เช่น เราใช้ช่วงเวลากลางวันในการติดต่อประสานงานกับลูกค้า ประชุมกับเพื่อนร่วมงาน และไปรับส่งลูก ดังนั้น เราใช้ช่วงเวลากลางคืนในการเคลียร์งานในส่วนของเรา เป็นต้น
5. Reskill & Upskill มุ่งพัฒนา Soft Skills และ Mindset นัยสำคัญ คือ การที่องค์กรส่วนใหญ่ของโลกได้เริ่มทรานส์ฟอร์มองค์กรและคนอีกครั้ง ผ่านการวาง Roadmap ที่ชัดเจนเลยว่าพนักงานแต่ละคน แต่ละแผนกจะต้องอัพสกิลเรื่องอะไรบ้าง รีสกิลเรื่องอะไรบ้าง และสิ่งที่องค์กรต้องให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น คือ เรื่องของ Soft Skills และ Mindset เพื่อที่จะไปตอบบทบาทและหน้าที่การทำงานของแต่ละคนมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีองค์กรชั้นนำอย่าง LINE MAN Wongnai โดยนายอานนทวงศ์ มฤคพิทักษ์ Head of People มาร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับหัวใจสำคัญที่ทำให้องค์กร สามารถดำเนินธุรกิจและบริหารคน ที่รวมคนในแต่ละ Generation มาทำงานร่วมกัน และเป็นหนึ่งในองค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานมากที่สุด
“ยุคนี้เป็นยุคที่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสมอ คนทำงานก็ต้องปรับตัวเร็ว มีความ Agile มี Growth Mindset กล้าทดลองทำสิ่งใหม่ๆ กล้าเปลี่ยนแปลง กล้าล้มเหลว เพื่อค้นหาสิ่งใหม่ที่ดีขึ้น อีกทั้งในส่วนของหัวใจการทำงาน คือ การมองเพื่อนร่วมงานเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เราจะปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นเพื่อนกัน เป็นพี่น้อง เป็นคนที่มีความต้องการและความเจ็บปวดเหมือนกับเรา สุดท้ายก็เป็นการเตือนตัวเองและทีมให้ปฏิบัติต่อพนักงานอย่างมีความเคารพและเหมาะสมที่สุด”
ขณะที่อีกมุมมองของผู้ที่อยู่ในวงการบริหารงานบุคคล จนเข้าใจวัฏจักรชีวิตมนุษย์องค์กรได้เป็นอย่างดี กับบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์แรงบันดาลใจใหม่ๆ ผ่านประสบการณ์การทำงานกับผู้คนในทุกรูปแบบ เพื่อให้ “คน” สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดมากขึ้น อย่างนายอภิชาติ ขันธวิธิ เจ้าของเพจ HR The Next Gen และ Co-Founder QGEN ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์การทรานฟอร์มคนและองค์กร เพื่อรุกพื้นที่ตลาดธุรกิจใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต ได้กล่าวว่า
“โลกของการทำธุรกิจวันนี้มีความท้าทายใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายตลอดเวลา ทำให้เกิดการแข่งขันสูงมาก ตอนนี้ Speed เป็นเรื่องสำคัญในการทำธุรกิจ ทุกองค์กรต้องปรับตัวอยู่เสมอ ปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้องค์กรแข่งขันบนเวทีการค้าได้คือเรื่องของ “คน” ถึงแม้ว่าผู้ประกอบการจะลงทุนเรื่องเทคโนโลยีพัฒนาสินค้าดีๆ แต่ถ้าวางระบบคนไม่ดี หรือไม่ได้เลือกคนที่ถูกต้องตั้งแต่ต้น ก็คงไม่สามารถดึงศักยภาพที่ดีที่สุด ของการทำงานในองค์กรให้ออกมาได้ เมื่อคนเก่งขึ้น องค์กรจะแข่งขันได้อย่างยั่งยืน”
ทั้งนี้ น.ส.อริญญากล่าวสรุปว่า “เมื่อเรารับรู้เกี่ยวกับ NEW WORKFORCE 2021 ที่กำลังจะเกิดขึ้น ดังนั้น หลายองค์กรต้องให้ความสนใจ เพื่อยกระดับศักยภาพคนให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น พร้อมทั้งติดตั้งวิธีคิดแบบ “Lifelong Learning Mindset” เพื่อให้คนเกิดการเรียนรู้บนบริบทของ New Skillset ใหม่ จนเกิดการขับเคลื่อนองค์กรด้วยวิธีคิดและการบริหารแบบใหม่ ส่งผลให้เกิดผลเชิงบวกต่อศักยภาพองค์กรให้สามารถฝ่าฟันสถานการณ์ต่างๆ ที่ไม่แน่นอนของโลกแห่งความไม่แน่นอนได้”