วิกฤต Covid-19 ทำให้ทุกสถาบันการศึกษาจำเป็นต้องเปลี่ยนรูปแบบการเรียนรู้ ซึ่งการจัดการเรียนการสอนแบบปฏิบัติการ (lab) ออนไลน์ นับเป็นหนึ่งในความท้าทายที่จำเป็นในช่วงวิกฤตินี้ ซึ่ง มหาวิทยาลัยมหิดล โดย คณะเภสัชศาสตร์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างเสริมทักษะพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อไม่ให้นักศึกษาขาดช่วงฝึกปฏิบัติ จึงได้ริเริ่มออกแบบ "การเรียนแล็บออนไลน์" ต้อนรับการเปิดภาคการเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2563 นี้
รองศาสตราจารย์ เภสัชกรสุรกิจ นาฑีสุวรรณ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ระลอกใหม่ คณะฯ ได้ตัดสินใจและแจ้งให้นักศึกษาทราบตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2563 ว่า การเรียนในภาคการเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2563 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2564 จะดำเนินการผ่านการเรียนออนไลน์ทั้งหมด จนกว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ความท้าทายที่สุดของการเรียนออนไลน์ คือ วิชาปฏิบัติการ ซึ่งปกติเป็นการเรียนในห้องปฏิบัติการกับเครื่องมือวิทยาศาสตร์ เพื่อให้นักศึกษาได้ลงมือทำ และเสริมสร้างให้เกิดทักษะ (skills) จากความรู้ที่ได้เรียนในทางทฤษฎี จากการระดมสมองหารือกันภายในคณะฯ จึงได้ออก 3 มาตรการสำคัญ ได้แก่ 1. การจัดรูปแบบการเรียนการสอนแบบปฏิบัติการ (lab) ออนไลน์ ซึ่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรจตุรงค์ ประเทืองเดชกุล หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา ได้เป็นแกนนำในการริเริ่มส่งอุปกรณ์เรียนแล็บออนไลน์ให้นักศึกษาทางไปรษณีย์ ให้นักศึกษาได้ทดลองประกอบการศึกษาคู่มือและคลิปวิดีโอการสอน เพื่อฝึกทักษะขั้นพื้นฐาน 2. ปรับลำดับของหัวข้อการเรียนปฏิบัติการที่ต้องใช้เครื่องมือขนาดใหญ่และสำคัญกับทักษะวิชาชีพไปไว้ช่วงปลายเทอม ซึ่งเมื่อสถานการณ์การระบาดดีขึ้นนักศึกษาจะได้เข้ามาใช้เครื่องมือเหล่านั้นได้ และ 3.เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น และได้กลับมาเรียนตามปกติ จะจัดให้มีการทำแล็บซ้ำเพื่อทบทวนและเสริมทักษะของนักศึกษาโดยเฉพาะทักษะที่สำคัญของวิชาชีพ
"ขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นในมาตรการที่ทางมหาวิทยาลัยมหิดล กำหนดให้คณะเภสัชศาสตร์ และทุกคณะจำเป็นต้องเรียนออนไลน์ เนื่องจากเราคำนึงถึงความปลอดภัยของนักศึกษาและครอบครัว รวมถึงทุกคนในสังคมไทยเป็นประการสำคัญ ซึ่งการเรียนออนไลน์จะทำให้นักศึกษาได้มีโอกาสฝึกทักษะพื้นฐานได้ด้วยตนเอง เพื่อให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ โดย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอน เพื่อให้ทั้งนักศึกษาและอาจารย์ได้ประโยชน์มากที่สุด" รองศาสตราจารย์ เภสัชกรสุรกิจ นาฑีสุวรรณ กล่าว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรจตุรงค์ ประเทืองเดชกุล หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวเสริมว่า แรกทีเดียวทางภาควิชาฯ ตั้งใจจะให้นักศึกษาได้ศึกษาจากคลิปวิดีโอการสอนทั้งหมดก่อน แล้วจึงให้ฝึกปฏิบัติหลังสถานการณ์ Covid-19 ดีขึ้น แต่เกรงว่านักศึกษาจะไม่ได้รับความรู้อย่างเต็มที่ จึงได้จัดการเรียนการสอนแบบปฏิบัติการออนไลน์โดยวิธีการสาธิต (lab demonstration) ที่ให้นักศึกษาได้ลงมือทำไปพร้อมกับอาจารย์ แล้วประเมินผลโดยให้นักศึกษาส่งคลิปวิดีโอที่ได้ฝึกทดลอง กลับมายังอาจารย์ผู้สอน โดยมีการส่งอุปกรณ์การฝึกปฏิบัติให้นักศึกษาทางไปรษณีย์ รวมทั้งให้นักศึกษาได้ประยุกต์ใช้จากสิ่งที่หาได้รอบตัว และได้มีการขยายผลรูปแบบการเรียนแล็บออนไลน์สู่ภาควิชาอื่นๆ ของคณะฯ ด้วย ซึ่งการศึกษาทางจุลชีววิทยาเป็นการศึกษาเกี่ยวกับเชื้อจุลชีพ ไม่สามารถจัดส่งได้ทางไปรษณีย์ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตราย เราจึงได้ให้นักศึกษาใช้ตัวช่วยจากการเตรียมสารสมมุติที่ทำขึ้นเองง่ายๆ จากการนำเอาแป้งฝุ่นมาผสมน้ำปริมาณเล็กน้อยเพื่อให้เป็นสารละลายที่มีความขุ่นใช้แทนเชื้อจุลชีพจริง และฝึกเทคนิคการเตรียม smear บน glass slide หรือฝึกเทคนิคการ streak plate บนวุ้นในจานเพาะเชื้อพลาสติก
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรหญิงอัญชลี จินตพัฒนากิจ อาจารย์ผู้อำนวยการสอนวิชาปฏิบัติการเภสัชการ 3 ของนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เนื้อหาส่วนใหญ่ในการจัดการเรียนการสอนจะเป็นการเตรียมตำรับยาที่นักศึกษาต้องใช้ในการสอบใบประกอบโรคศิลป์ ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในครัวเรือนสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแก้วน้ำที่สามารถนำมาใช้แทนบีกเกอร์ ตะเกียบหรือหางช้อนที่สามารถนำมาใช้แทนแท่งคนสารละลาย หรือแม้กระทั่งเจล ซึ่งสามารถเตรียมได้จากวุ้นหรือเจลาติน ฯลฯ ซึ่งเมื่อนักศึกษาได้กลับเข้ามาเรียนที่คณะฯ จะได้มาเตรียมตำรับจริงเพื่อดูขั้นตอนการผสมยาว่า ถ้ามีสารหลายตัวจะมีลำดับในการเติมอย่างไร ซึ่งการเรียนแล็บออนไลน์จะบอกถึงเทคนิคพื้นฐานที่นักศึกษาต้องฝึกทำให้คล่องที่บ้าน โดยมีการกำหนดว่ายาตำรับใดที่นักศึกษาจะต้องทำเป็น และจะให้นักศึกษาได้กลับมาฝึกทำซ้ำที่คณะฯ เพื่อใช้ในการสอบใบประกอบโรคศิลป์ต่อไป
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรหญิงปัทมพรรณ โลมะรัตน์ หัวหน้าภาควิชาอาหารเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า นักศึกษาเภสัชศาสตร์นอกจากความรู้เรื่องยาแล้ว การมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องอาหาร ทั้งด้านคุณภาพของอาหารและความปลอดภัยของอาหาร จะทำให้นักศึกษาสามารถดูแลผู้ป่วย/ประชาชน ดูแลตนเองและคนในครอบครัวได้แบบองค์รวม โดยจะต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบ วิเคราะห์ และควบคุมคุณภาพอาหาร เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งในการเรียนแล็บออนไลน์ได้มีการส่งชุดทดสอบ หรือ test kit ที่หาซื้อได้โดยทั่วไป และมีราคาไม่แพง ให้นักศึกษาได้ทดลองใช้ด้วยตนเองที่บ้าน เช่น ชุดทดสอบสารฟอร์มาลีนในอาหาร ซึ่งมักพบมากในถั่วงอกที่ขายตามท้องตลาดโดยทั่วไป ที่ทำให้ถั่วงอกขาวน่ารับประทาน นักศึกษาสามารถใช้ช้อนที่มีอยู่แล้วในครัวสับถั่วงอกตัวอย่าง แล้วนำมาทดสอบกับ test kit ที่ทางคณะฯ ส่งไปให้นักศึกษาตัวแทนกลุ่มได้เปิดกล้องและทดลองทดสอบจริงให้เพื่อนนักศึกษาในชั้นเรียนออนไลน์ได้วิเคราะห์เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งนักศึกษาจะสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันต่อไปได้อีกด้วย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรภานุพงษ์ พงษ์ชีวิน หัวหน้าภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เดิมปีนี้กำหนดให้เป็นปีแรกของหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต พ.ศ. 2563 ที่จะให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เรียนวิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ ที่ โครงการจัดตั้งสถาบันอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ซึ่งปรับจากหลักสูตรเดิมที่จัดให้เรียนในชั้นปีที่ 3 แต่เนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 จึงจำเป็นต้องปรับการเรียนการสอนเป็นรูปแบบออนไลน์ และจัดกิจกรรมเสริมโดยส่งเมล็ดพันธุ์พืชสมุนไพรชุมเห็ดไทยทางไปรษณีย์ เพื่อให้นักศึกษาได้ทดลองปลูก และเตรียมวัตถุดิบสำหรับการเรียนรู้ด้วยตนเอง พร้อมสังเกตและบันทึกพัฒนาการของพืชสมุนไพรชนิดดังกล่าว และแชร์ในชั้นเรียนออนไลน์กับเพื่อนๆ โดยชุมเห็ดไทยจะงอกภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากเพาะเมล็ด และโตเต็มที่พร้อมติดดอกออกผลในระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือนเศษ ซึ่งสอดคล้องกับแผนการเรียนการสอนที่จัดลำดับเนื้อหา เริ่มจากสัณฐานวิทยาของพืชส่วนต่างๆ ไปจนถึงกระบวนการระบุชื่อวิทยาศาสตร์ของพืชตามหลักพฤกษศาสตร์ นอกจากนักศึกษาจะได้เรียนรู้จากพืชจริงเปรียบเทียบกับเนื้อหาบรรยายแล้ว การจัดการเรียนการสอนครั้งนี้ยังเป็นการจัดกิจกรรมที่ช่วยสร้างจิตสำนึกในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับนักศึกษาและเกิดความรักธรรมชาติ ซึ่งจะสอดคล้องกับ Environmental Literacy ที่มหาวิทยาลัยมหิดลกำหนดไว้
อย่างไรก็ดี หลังจากสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลายแล้ว นักศึกษาจะสามารถเข้ามาเรียนรู้พืชสมุนไพรที่โครงการจัดตั้งสถาบันอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล รวบรวมในรูปแบบของ living collection มากกว่า 700 ชนิด เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ด้านพืชสมุนไพรและสามารถนำความรู้ไปใช้ในวิชาชีพเภสัชกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต