xs
xsm
sm
md
lg

“ศักดิ์สยาม” กางแผนดัน “มอเตอร์เวย์-ทางด่วน” ชง ครม.ต้นปี 64-รถไฟทางคู่เฟส 2 รอถกสำนักงบฯ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ศักดิ์สยาม” ดันลงทุนปี 64 ชง ครม. Q1 เคาะต่อขยายโมโนเรลสีชมพู และยกระดับ “บางขุนเทียน-บ้านแพ้ว” เร่ง PPP ขยายโทลล์เวย์ถึงบางปะอิน, ทางด่วนกะทู้-ป่าตอง, มอเตอร์เวย์ “นครปฐม-เพชรบุรี” ตั๋วร่วมอืด เล็ง MOU แบงก์ลงทุนแทน ส่วนทางคู่เฟส 2 รอหารือสำนักงบ 8 ม.ค.

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้มีหลายโครงการที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติในช่วงต้นปี 2564 โดยมี 2 โครงการที่ได้นำเสนอไปที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว คือ รถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) ส่วนต่อขยาย จากสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี ระยะทาง 3 กม. วงเงินลงทุน 3,379 ล้านบาท และแผนฟื้นฟู องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และคาดว่าในเดือน ม.ค.-มี.ค.จะสามารถเสนอโครงการมอเตอร์เวย์ สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ระยะทาง 15 กม. มูลค่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาจากบอร์ดสภาพัฒน์แล้ว โดยจะใช้เงินกองทุนมอเตอร์เวย์ก่อสร้าง


ส่วนโครงการลงทุน PPP ได้แก่ โครงการต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์) ช่วงรังสิต-บางปะอิน ระยะทาง 18 กม. เงินลงทุน 39,956 ล้านบาท ซึ่งกรมทางหลวงจะใช้เงินจากกองทุนมอเตอร์เวย์ก่อสร้างงานโยธา, โครงการทางพิเศษกะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต ระยะทาง 3.98 กม. มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท ของ กทพ. ซึ่งกรมป่าไม้ได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่ป่าไม้ 3 แปลงในการเจาะอุโมงค์แล้ว จะสามารถเสนอ ครม.ได้ในกลางปี 64 โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี
สำหรับมอเตอร์เวย์ (M8) สายนครปฐม-ชะอำ ระยะทาง 109 กม. วงเงินลงทุน 79,006 ล้านบาทนั้น จะแบ่งการลงทุนช่วงแรกจากนครปฐม-เพชรบุรีก่อน เนื่องจากไม่ติดปัญหาเรื่องเวนคืน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเสนอ ครม.ได้ภายในปี 64

ส่วนรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 7 เส้นทาง ระยะทาง 1,483 กม. วงเงินลงทุนรวมกว่า 2.73 แสนล้านบาท จะรับฟังนโยบา ในการจัดทำงบประมาณปี 2565 จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมีการประชุมในวันที่ 5 ม.ค.นี้ก่อน จากนั้นจะมีการประชุมร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณในวันที่ 8 ม.ค. คาดว่าจะมีความชัดเจนในการดำเนินโครงการมากขึ้น

@สานต่อ 7 งานค้างจากปี 63-เล็ง MOU แบงก์ลงทุนระบบซอฟต์แวร์ตั๋วร่วม

ทั้งนี้ ในปี 64 จะมีการสานต่อนโยบายงานจากปี 63 จำนวน 7 เรื่องเพื่อให้นำไปสู่การปฏิบัติ ได้แก่ 1. ปรับเวลาเดินรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 2. เร่งจัดทำ Taxi Application เพื่อทดแทนเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทาง

3. เร่งพัฒนาระบบตั๋วร่วมให้สามารถใช้บัตรโดยสารเชื่อมโยงรถไฟฟ้าทุกระบบ ซึ่งที่ผ่านมามีปัญหาในการลงทุนปรับซอฟต์แวร์ วงเงิน 200-300 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดได้หารือกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่งที่จะเข้ามาลงทุนทั้งหมด และจะมีการลงนาม MOU ในไตรมาสที่ 2 เริ่มดำเนินการ คาดว่าจะเริ่มเห็นระบบตั๋วร่วมเป็นรูปธรรมในปี 64


4. เร่งรัดพัฒนาการบริการรถ ขสมก. และการนำระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-ticket) มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ 5. เร่งพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ 6. ผลักดันการขนส่งสินค้าทางน้ำจากท่าเรือบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปท่าเรือแหลมฉบัง 7. พัฒนาท่าอากาศยานภูมิภาคเป็นศูนย์รวบรวมผลผลิตและกระจายสินค้าเกษตร หรือสินค้าเน่าเสียง่ายออกสู่ตลาด

ส่วนปี 2564 จะมีการผลักดัน 11 งานในเชิงรุก ได้แก่ ศึกษาแผนแม่บท MR-MAP เพื่อวางแผนการพัฒนามอเตอร์เวย์ให้สอดคล้องไปกับการขยายโครงข่ายรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ ซึ่งมี 8 เส้นทาง โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จะลงนามในสัญญาจ้างที่ศึกษาในปีนี้ โดยแนวเส้นทางที่เหมาะสมในการผลักดันก่อน เช่น ชุมพร-ระนอง ซึ่งเป็น Land Bridge, เส้นทางกาญจนบุรี-ตราด สามารถเชื่อมอีอีซี และหนองคาย-แหลมฉบัง ซึ่งมีแนวเส้นทางรถไฟเดิมอยู่ สามารถเชื่อมต่อโลจิสติกส์ได้

ผลักดันการใช้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV สำหรับใช้ในระบบขนส่งสาธารณะ ศึกษาและกำหนดแนวทางการใช้รถไฟฟ้าล้อยางในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนหลักในภูมิภาค ซึ่งจะประหยัดงบประมาณ ค่าก่อสร้างและลงทุนต่ำลง สามารถกำหนดค่าโดยสารในอัตราไม่แพง, เร่งรัดการเปิดให้บริการโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงและสถานีกลางบางซื่อ, ผลักดันใช้ระบบ M-Flow ในไตรมาส 2/64 เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น