การตลาด – เซ็นทรัล รีเทล เปิดกลยุทธ์การเคลื่อนทัพออมนิแชนแนล ชูเซ็นทรัลแอพหัวหอกหลักเจาะตลาด จัดกระบวนทัพรุก โชว์สถิติน่าสนใจกับยอดขายระบบออมนิแชนแนล และแคมเปญ 11.11
นายนิโคโล กาลันเต้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว่ว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่กลุ่มเซ็นทรัลได้เริ่มการทำตลาดแบบออมนิแชนแนล (Omni Channel) หรือการทำตลาดผสมผสานที่เชื่อมโยงกันระหว่างหน้าร้านแบบออฟไลน์กับช่องทางแบบออนไลน์ พบว่ามีทิศทางไปในทางที่ดี ผู้บริโภคให้การตอบรับและเข้าใจมากขึ้น ขณะที่เราเองก็ต้องมีการพัฒนาระบบต่างๆให้มีความเสถียรและน่าส นใจมากขึ้น
ทั้งนี้เซ็นทรัลมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าที่เข้ามาช้อปปิ้งผ่านทั้งสองช่องทางหรือออมนิแชนแนลไว้ประมาณ 15-20% ของลูกค้าทั้งหมดภายในปีหน้า(2564) เพิ่มจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีสัดส่วนประมาณ 10% เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีสัดส่วนเพียง 3% เท่านั้น
ตัวเลขนี้บ่งบอกได้ว่า ออมนิแชนแนลของเซ็นทรัล จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม นายนิโคโล ยอมรับว่า การทำให้เติบโตได้นั้น จะต้องมีความพร้อมในทุกด้านทั้งเรื่องระบบไอที เรื่องสินค้า เรื่องคน เรื่องการประสานงาน เรื่องการบริการ และอื่นๆ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและความแตกต่งจากผู้ประกอบการายอื่น
กลยุทธ์ที่จะผลักดันไปสู่เป้าหมายคือ 5 ปัจจัยหลักดังนี้
1. เรื่องของสินค้า ที่จะต้องมีการเพิ่มเอสเคยูเข้าไปให้มากขึ้น และให้สัมพันธ์กันทั้งออฟไลน์กับออนไลน์
2.การพัฒนาเซ็นทรัลแอพพลิเคชั่น เพื่อให้เป็นแอพเดียวที่ลูกค้าสามารถเข้ามาแล้วสามารถเชื่อมโยงไปยังธุรกิจอื่นๆหรือบิสซิเนสอื่นได้ทั้งหมด จากเดิมที่ทุกวันนี้ต้องแยกกันเข้าแอพ
3.การทำโปรโมชั่นหรือการตลาดไขว้กันกับธุรกิจในเครือท้ั้งหมด
4.การขยายและการพัฒนาการบริการใหม่ๆให้เพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา
5.การพัฒนาช่องทางการขายใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติม
ปัจจุบันนี้มี 3 ธุรกิจหลักที่ทำออมนิแชนแนลได้อย่างสมบูรณ์แบบ 100% แล้วเช่น ห้างเซ็นทรัลที่เพิ่งเริ่มไตรมาสนี้, เพาเวอร์บายเริ่มมาปีที่แล้ว และ ไทวัสดุ
อย่างกรณีของเพาเวอร์บาย มีลกูค้าประมาณ 10% ที่่ซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ และมีประมาณ 10% ที่ซื้อสินค้าที่ผ่านออฟไลน์และออนไลน์หรือออมนิแชนแนล
“ที่ผ่านมาเรายังไม่ได้ทำการโปรโมทหรือทตลาดกับเซ็นทรัลแอพเท่าใด แต่จากนี้ไปเดือนธันวาคมเราจะเริ่มทำตลาดสร้างแบรนด์สร้างให้ตลาดรู้จักมากขึ้นแล้ว เพื่อพร้อมบุกตลาดหนักขึ้นในปีหน้า” นายนิโคโล กล่าว
โดยที่เซ็นทรัลมีเป้าหมายว่า ออมนิแชนแนลของเซ็นทรัลจะต้องประสบความสำเร็จและก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดให้ได้ โดยวัดจาก
1. ยอดขายที่เกิดขึ้นจากช่องทางออมนิแชนแนล
2.ผลกำไรที่เกิดขึ้นมากน้อยอย่างไร ซึ่งช่วงนี้ปีนี้เรายังอยู่่ในช่วงของการลงทุนจึงยังอยู่ในภาวะที่พอไปได้พอคุ้มทุน แต่คาดว่าปีหน้าจะเริ่มเห็นผลกำไรมากขึ้นแล้ว
3.สำคัญที่สุดคือ ความพึงพอใจของผู้บริโภค
สำหรับช่องทางแบบออมนิแชนแนลของเซ็นทรัลนั้นมีหลากหลายเช่น ช่องทางการให้บริการแบบChat&Shop, Call&Shop ส่วนช่องทางด้านลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การโทรติดต่อจากPC/BA ไปยังลูกค้า หรือ ผู้ช่วยช้อปปิ้งทางไกล หรือ LINE ของร้านค้าในกลุ่มเซ็นทรัล ส่วนช่องทางด้านการโปรโมทสินค้าและจูงใจลูกค้าเช่น การไลฟ์สดเฟซบุ๊ก และ LINE ของแบรนด์ต่างๆ
ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าหลักของเซ็นทรัลออมนิแชนแนลคือ กลุ่มฐานบนที่มีประมาณ 20% ของลูกค้า
สำหรับตลาดออมนิแชนแนลหรือตลาดออนไลน์ของเซ็นทรัลในประเทศไทยนั้นในปีนี้2563 มีความน่าสนใจไม่น้อยกับสถิติและตัวเลขต่างๆ
โดยไตรมาส1ปีนี้ พบว่ายอดขายผ่านออมนิแชนแนลเติบโต 99% ส่วนไตรมาส2 เติบโต 344% เพราะเป็นช่วงของการล็อกดาวน์ ส่วนไตรมาส3ที่คลายล็อกดาวน์แล้วเติบโตน้อยลงที่ 234% ส่วนภาพรวมช่วง3ไตรมาสแรกปีนี้ เติบโตรวมที่ 230%
กลุ่มแฟชั่น ในช่วงไตรมาสที่ 3 มีสัดส่วนยอดขายเติบโต 335%ช่วง 9 เ ดือนแรกเติบโต 309% และมีสัดส่วนยอดขายประมาณ 16 เปอร์เซ็
ทั้งนี้กลุ่มแฟชั่น ในช่วงไตรมาสที่ 3 มีสัดส่วนยอดขายเติบโต 335% ช่วง 9 เดือนแรกเติบโต 309% และมีสัดส่วนยอดขายประมาณ 16%
ขณะที่กลุ่มสินค้าฮาร์ดไลน์ช่วง 3 ช่วงไตรมาส 3 เติบโต 98% ส่วน 9 เดือนแรกเติบโต 139%และมีสัดส่วนยอดขายประมาณ 7%
สำหรับกลุ่มอาหารช่วงไตรมาส 3 เติบโต 89% และช่วง 9 เดือนแรกเติบโต 107 %มีสัดส่วนยอดขาย 9 เดือนแรกประมาณ 3% ที่มาจากช่องทางออมนิแชนแนล
หากมองเป็นประเภทสินค้าจะพบว่ากลุ่มสินค้าความงามในไตรมาส 3 ยอดขายเติบโต 162% ส่วน 9 เดือนแรกเติบโต 285%
กลุ่มกีฬาไตรมาส 3 เติบโต 130% 9 เดือนแรกเติบโต 76% สินค้าในครัวเรือนไตรมาส 3 เติบโต 65% ส่วน 9 เดือนแรกรวมเติบโต 173%
สินค้าทีวีและเอนเตอร์เทนเมนต์ ไตรมาสสามเติบโต 118% ส่วนช่วง9เดือนแรกเติบโต 195%อานออนไลน์ใสนกล่มเฦฯ็ัล
ขณะที่เซ็นทรัลรีเทลทำยอดขายสูสุดงในกลุ่มเซ็นทรัลในแง่ของแคมเป ญ 11.11 วันเดียวกล่าวคือ ปี 2561 แคมเปญ 11.11 ทำยอดขายได้ 35 ล้านบาท และเพิ่มมาเป็น 140 ล้านบาทในปีที่ล้้ว พอมาปีนี้ยอดขายทะลุถึง 230 ล้านบาท
ส่วนช่องทางการขายท้้งหมดที่มีอูย่ของวันที่ 11.11 ทั้งออนไลน์ ช่องทางใหม่และออฟไลน์ พบว่า
ปีที่แล้ว2562 ยอดขายที่มาจากออนไลน์ เท่ากับ 663 ล้านบาท, ยอดขายที่มาจากช่องทางใหม่ 19 ล้านบาท และยอดขายที่มาจากออฟไลน์ เท่่ากับ 504 ล้านบาท
ส่วนปีนี้2563 จากแคมเปญ 11.11 พบว่า ยอดขายที่มาจากออนไลน์ เท่ากับ 789 ล้านบาท, ยอดขายที่มาจากช่องทางใหม่ เท่ากับ 85 ล้านบาทบและยอดขายที่มาจากออฟไลน์ เท่ากับ 475 ล้านบาท
ทั้งนีี้มีลูกค้าที่นำคะแนนเดอวันการ์ดมารีดีมมากถึง 7 ล้านพ้อยท์
*** เจดีเซ็นทรัลก็มาแรงไม่น้อยหน้า
นายวินเซนต์ หยาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจดีเซ็นทรัล (JD CENTRAL) ผู้นำด้าน เทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซและธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย กล่าวว่า “แคมเปญ JD CENTRAL 11.11 ราคาโดนใจ ทุกชิ้น แท้ชัวร์ ที่างเจดีเซ็นทรัลได้จัดขึ้นเพื่อร่วมฉลองแคมเปญช้อปปิ้งออนไลน์ยิ่งใหญ่แห่งปี ในช่วงเดือนพฤศจิกายน โดยมีไฮไลท์อยู่ที่วันที่ 11 เดือน 11 นั้น ที่มียอดขายในแคมเปญดังกล่าวที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะสามารถสร้างยอดขายทะลุเป้าเพิ่มสูงกว่า 114 % จากปี 2562 กลายเป็นสถิติใหม่ของเจดีเซ็นทรัลที่ต้องบันทึกไว้
สถิติที่น่าสนใจสำหรับ “JD CENTRAL 11.11 ราคาโดนใจ ทุกชิ้น แท้ชัวร์” พบว่า ยอดผู้ซื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 5 เท่า โดยมียอดจับจ่ายเฉลี่ยที่ 3,649 บาท ช่วงเวลาที่นักช้อปแห่กันเข้ามาเลือกช้อปสินค้าคึกคักในช่วง 1 ชั่วโมงแรก คือ 00.00-01.00 น. ของวันที่ 11 เดือน 11 โดยในเวลา 2 ชั่วโมงแรก มียอดขายโตถึง 350% สินค้าที่ขายดีสูงสุดคือสมาร์ทโฟน XIAOMI POCO X3 หมวดสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด 4 อันดับแรกคือหมวดสินค้าโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต หมวดสินค้าแม่และเด็ก หมวดสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และหมวดสินค้าสุขภาพและความงาม โดยแบรนด์สินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด 3 ลำดับแรก คือ เสียวหมี่ โฟร์โมสต์ และซัมซุง และสถิติการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วที่สุด สามารถทำได้ในเวลาเพียง 55 นาทีนับจากรับออเดอร์จากลูกค้า
“จากสถิติที่เกิดขึ้นตอกย้ำว่าเจดีเซ็นทรัลกำลังขึ้นเป็นแพลตฟอร์ม E-commerce ที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจสูงสุด เพราะไม่เพียงแต่การจำหน่ายสินค้าคุณภาพดี การันตีแบรนด์ของแท้ 100% แต่ยังเพิ่มประสบการณ์ลูกค้าด้วยการจัดส่งที่รวดเร็วทันใจได้มาตรฐานและปลอดภัย โดยเราไม่หยุดนิ่งที่จะวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า เพื่อสามารถตอบโจทย์และเข้าถึงความต้องการของลูกค้า โดยการนำเสนอสินค้าที่โดนใจในราคายุติธรรม พร้อมทั้งโปรแกรมส่งเสริมการขายในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้ามีความสุข สบายใจ และได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการช้อปปิ้งออนไลน์กับเจดีเซ็นทรัล” นายวินเซนต์กล่าว
เจดีเซ็นทรัลก็คือธุรกิจออนไลน์ในเครือข่ายของเซ็นทรัลเช่นกัน
น่าจับตามองจากนี้ไปว่า แนวทางการเดินหน้าสู่ตลาดออมนิแชนแนลของเซ็นทรัลในปีหน้าจะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการค้าปลีกมากน้อยเพียงใด