แปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน กรอ.จับมือ ม.เกษตรฯ พร้อมสถาบันการเงินพันธมิตร ร่วมช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ใช้เครื่องจักรสร้างสภาพคล่อง พร้อมฟื้นฟู พัฒนา เติมเต็มศักยภาพ
ภาพรวมสถานการณ์ผู้ประกอบการขนาดกลางไปจนถึงขนาดเล็ก หรือ SME ที่ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติโควิด -19 ส่งผลให้หลายราย ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ตามมาด้วยการลดต้นทุนกับการปลดคนงาน อันเป็นวิกฤติต่อเนื่องมานับตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา
กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ร่วมกับ ศูนย์วิจัยและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สร้างแคมเปญเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ให้มีสภาพคล่องสำหรับสร้างและฟื้นฟูธุรกิจ รวมถึงการสนับสนุนให้เข้าถึงแหล่งทุนแบบดอกเบี้ยต่ำ ผ่านการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน
นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ระบุถึงแนวคิดดังกล่าวว่า “โครงการเร่งรัดการจดทะเบียนเครื่องจักรของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี 2563” โดยมีเป้าหมายในการแปลงเครื่องจักรในโรงงานให้เป็นทุนทางการเงิน เพื่อให้สามารถต่อยอดธุรกิจให้กับ SME ต่อไปได้ พร้อมให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างรวดเร็วและ มีดอกเบี้ยต่ำ โดยมีเครื่องจักรเป็นหลักประกัน ผ่านความร่วมมือกับทางศูนย์วิจัยและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี วิเคราะห์เครื่องจักร พร้อมให้คำปรึกษาเชิงลึก เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้เป็นรูปธรรม ต่อยอดสู่การใช้ทั้งเครื่องจักร และเงินทุนนำไปสร้างธุรกิจ และสนับสนุนให้เกิดการสร้างผลประกอบการต่อไป
ดร.ธิรินทร์ ณ ถลาง ผู้จัดการโครงการเร่งรัดการจดทะเบียนเครื่องจักรของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี 2563 กล่าวว่า “จากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด -19 ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อผู้ประกอบการและโรงงาน ในธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยเฉพาะปัญหาด้านการขาดสภาพคล่อง และเรื่องของทุนในการดำเนินกิจการ จากสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน
กรอ.และ ม.เกษตรฯ จึงมีแนวทางร่วมกันในการช่วยเหลือโรงงานระดับ SME ให้มีผลประกอบการให้ที่ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น ผ่านการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร และมีปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และนำเครื่องจักรมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันกับสถาบันการเงินเพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการได้อย่างตรงจุด ตรงกับปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการโรงงานระดับ SME ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ และยังเป็นการเพิ่มปรับปรุงโครงสร้างของโรงงานหรือเครื่องจักรให้ดีขึ้น เป็นการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทิภาพการผลิต ทำให้ศักยภาพการผลิตมีความเข้มแข็งที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
โดยการดำเนินการขอยื่นขอเสนอต่อสถาบันเพื่อข้อกู้เงินทุน รวมถึงการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร กลุ่มผู้ประกอบการหรือโรงงาน SME กรอ. และทาง ศูนย์วิจัยและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ได้ให้ความรู้และให้คำแนะนำ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนด้านพลังงาน ลดต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อม หรือมีการใช้พลังงานทดแทน ให้แก่โรงงานของผู้ประกอบการ SME นำไปสู่การเพิ่มศักยภาพให้กับโรงงาน SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนในการกระตุ้นภาคอุตสาหกรรม และขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล
ในความร่วมมือครั้งนี้ทาง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะมีผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์วิจัยฯ เข้าไปวิเคราะห์สภาพการปฏิบัติงานของเครื่องจักรของแต่ละโรงงาน เพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรนำไปสู่เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ขณะเดียวกันก็ลดต้นทุน ไปพร้อม ๆ กัน และนำไปสู่การนำเครื่องจักรมาแปลงให้ทุนสำหรับสินเชื่อในการประกอบกิจการ ทั้งส่วนของการฟื้นฟู พัฒนา และ การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ประกอบการโดยตรงอีกด้วย
โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยังได้เป็นส่วนเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการและ 5 สถาบันการเงินหลัก ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรงเทพ และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โดยทางศูนย์วิจัยฯ จะเป็นผู้ประเมินการเสริมประสิทธิภาพเครื่องจักร เพื่อประเมินว่าจะต้องใช้เงินทุนประมาณเท่าไหร่และช่วยลดต้นทุนได้อย่างไร ก่อนจะทำออกมาเป็นหนังสือรายงาน และหารือกับ 5 สถาบันการเงิน เพื่อประเมินแนวทางความช่วยเหลือผู้ประกอบการต่อไป
สำหรับเป้าหมายของโครงการในครั้งนี้เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ได้อย่างทั่วถึงและมีศักยภาพ จึงมีการกำหนดคุณสมบัตินั้นออกแบบมาสำหรับผู้ประกอบการ SME ที่บุคคลหรือนิติบุคคล และมีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานหรือสถานประกอบการ หรือกิจการซึ่งอยู่ภายใต้กำกับดูแลของกรมโรงงานอุตสาหกรรม และมีการจ้างงานไม่เกิน 200 คนหรือรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี รวมไปถึงมีความต้องการปรับปรุงเครื่องจักรเดิมให้มีประสิธิภาพมากขึ้นหรือต้องการเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ทดแทนเครื่องจักรเดิมเพื่อสร้างโอกาสให้เข้าถึงแหล่งทุนตามตัวชี้วัดที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
ซึ่งโครงการนี้ขึ้น ได้รับผลตอบรับจากผู้ประกอบการ SME เป็นอย่างดี เนื่องจากทางทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้มีนโยบายลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนเครื่องจักรให้ถูกลงต่อเครื่อง ทำให้ได้เสียงตอบรับดีขึ้นและสร้างความสนใจให้กับผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้นอีกด้วย” ดร.ธิรินทร์ กล่าว
ปัจจุบันจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ ของศูนย์วิจัยและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี ได้มีการสัมมนา 6 ครั้ง จำนวน 619 คน โครงการจดทะเบียน 63 ประชุมคณะกรรมการเครื่องจักร 6 ครั้ง อบรมเชิงลึก 2 ครั้ง 96 คน ได้มีการวิเคราะห์เครื่องจักรจากโรงงาน 88 แห่ง คิดเป็นจำนวน 2,036 เครื่อง และจากวิเคราะห์คิดเป็นวงเงินลงทุน 482,668,283 บาท เกิดเป็นผลตอบแทน195,875,300 บาทต่อปี ซึ่งจะสามารถคืนทุนเฉลี่ย 2.46 ปี โดยได้มีโรงงานมีประสงค์เข้าร่วมกว่า 63 แห่ง