ผู้จัดการรายวัน 360 - NRF ผุดบริษัทร่วมทุุนชื่อ คอนเชียส ที่อเมริกา ปูฐานตลาดแพลนต์เบส พร้อมสร้างฐานแบรนด์ตัวเองมากขึ้น โชว์ไตรมาส 3/63 มีรายได้จากการขาย 378.5 ล้านบาท กำไรสุทธิ 48.1 ล้านบาท ดัน 9 เดือนแรก มีรายได้จากการขายรวม 971 ล้านบาท กำไรสุทธิ 89.2 ล้านบาท คาดรายได้ทั้งปีโต 15-20%
นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้าร่วมทุนจัดตั้ง บริษัท คอนเชียส อิงค์ ที่อเมริกา (KONCIOUS INC) โดยถือหุ้น 40% ผ่านทางบริษัทลูก คือ แพลนท์แอนด์บีน ร่วมกับ นายอีฟ ที่เป็นเจ้าของการ์เดี้ยนเดิม ถือหุ้น 40% และมีกองทุน ZYNIK CAPITAL ถือหุ้นอีก 20% และจะระดมทุนอีก 16 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำมาดำเนินกิจการผลิตอาหารแพลนต์เบสอีก
นอกจากนั้น ยังสร้างแบรนด์ต่อเนื่องผ่านโอเชียนฮักเกอร์ (Ocean Hugger) ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพ โดยบริษัทเข้าถือหุ้น 88% เป็นผู้ผลิตซูชิแพลนต์เบส เช่น ซูชิหน้าปลาทูน่าและหน้าปลาไหล และมีการพัฒนาต่อเนื่อง
“ตลาดอาหารแพลนต์เบสเติบโตต่อเนื่องและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ตลาดอาหารแพลนต์เบสต่างประเทศคาดว่าปีนี้น่าจะมีประมาณ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่คาดว่าจากนี้อีก 10 ปีตลาดรวมจะเพิ่มเป็น 85,000 ล้านเหรียญสหรัฐ”
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2563 มีรายได้จากการขาย 378.5 ล้านบาท เติบโต 23% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 307.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 48.1 ล้านบาท เติบโต 183% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17.0 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม-กันยายน) มีรายได้จากการขาย 971 ล้านบาท เติบโต 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 820.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 89.2 ล้านบาท เติบโต 168% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 33.3 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลเติบโตตามยอดคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) จากกลุ่ม Ethnic Food ทั้งผลิตภัณฑ์รับจ้างผลิต (OEM / Private Label) ผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ และกลุ่ม Plant-Based Food ผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืช ซึ่งมียอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงกลางปี 2564 รวมถึงผลิตภัณฑ์ Functional Products (V-shapes) โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เจลแอลกอฮอล์ในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งลูกค้าให้ความต้องการเป็นอย่างมากหลังเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับการส่งออกที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกตลาด ทั้งอเมริกา ยุโรป โอเชียเนีย และเอเชีย รวมถึงบริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและการดำเนินการที่ดีขึ้น
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยหลังจากการระดมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ทำให้ NRF เป็นที่รู้จักในวงกว้างและได้รับการยอมรับในแวดวงธุรกิจอาหาร โดยได้รับการติดต่อจากบริษัทสตาร์ทอัพทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อจะจ้างผลิตสินค้านวัตกรรมอาหารในกลุ่มอาหารโปรตีนจากพืช (Plant Based Food) ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมทางด้านบุคลากร ทีมวิจัยและพัฒนา วัตถุดิบที่มีคุณภาพ และมีฐานการผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งสามารถตอบสนองการผลิตได้ ทำให้มีข้อได้เปรียบในการผลิตอาหารนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมา
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มขยายตลาดในประเทศมากขึ้น โดยได้จัดงานเทศกาล Root The Future Festival : Plant-Based & Sustainability ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และร่วมออกบูทในงานเทศกาลอาหารเจที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่ง พร้อมนำผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืชมาเปิดตัวที่ประเทศไทย จำนวน 2 แบรนด์ คือ แบรนด์ Phuture Meat และแบรนด์ The Meatless Farm และได้ขยายตลาดเข้าสู่ห้องอาหารในโรงแรมระดับ 5 ดาว โดยเริ่มที่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ
บริษัทจะขยายไปยังกลุ่มโรงแรม 5 ดาว และร้านอาหารชื่อดังในกรุงเทพฯ รวมถึงเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านซูเปอร์มาร์เกต ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากในประเทศเป็น 3-5% จากปัจจุบันที่ NRF ส่งออก 100%
เป้าหมายรายได้ปี 2563 คาดว่ารายได้เติบโต 15-20% จากปี 2562 ที่มีรายได้รวม 1,119.7 ล้านบาท จากคำสั่งซื้อสินค้าที่เติบโต ประกอบกับจะรับรู้รายได้จากบริษัท ซิตี้ฟูด จำกัด จากการเข้าถือหุ้นส่วนที่เหลืออีก 85% จากเดิมที่ลงทุนสัดส่วน 15% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วเพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่ม Ethnic Food และเป็นฐานการผลิตภายในประเทศ โรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครปฐม และจังหวัดราชบุรี
บริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิต จากปัจจุบันมีประมาณ 3,400 ตัน เป็น 36,000 ตัน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าภายในปี 2564 รองรับการเติบโตและจะขยายฐานการผลิตไปยังสหรัฐอเมริกา ผ่านการร่วมทุนกับ THE BRECKS COMPANY LIMITED หรือ ‘เบรคส์’ ที่ร่วมกันจัดตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ Plant and Bean Ltd. ที่ประเทศอังกฤษ เพื่อรับจ้างผลิตอาหารโปรตีนจากพืชให้บริษัทอาหารชั้นนำของโลก จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก Plant-based ประมาณ 30-40% ภายในปี 2567 จากขณะนี้มี 6.4%
ล่าสุด NRF ได้เริ่มลงทุนใน E-Commerce Platform ผ่านการร่วมลงทุนกับ Boosted E-Commerce Inc. (Boosted) ใน 2 รูปแบบ คือ ลงทุนในกลุ่มบริษัท Boosted E-commerce Inc. (Boosted) เพื่อบริหารจัดการธุรกิจ e-commerce ของ Third-party seller บน Amazon e-commerce platform ซึ่งทำให้ NRF เริ่มมียอดขายจากออนไลน์เพิ่มขึ้น และตั้งเป้าหมายมีสัดส่วนยอดขายจากธุรกิจออนไลน์ 30% ของยอดขายทั้งหมดในช่วง 3 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกต่อตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น หลังจากมีความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคถึง 90% ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเพิ่มความเชื่อมั่นแก่ภาคธุรกิจรวมถึงการดำเนินชีวิตตามปกติของประชาชน ทำให้กำลังซื้อและความต้องการบริโภคอาหารรวมถึงสินค้าอื่นๆ กลับมาเข้าสู่ภาวะปกติก่อนเกิดโรคระบาด อีกทั้งยังส่งผลดีต่อกลุ่มผู้ประกอบการซอส เครื่องปรุงรสมากขึ้น เนื่องจากร้านอาหารเตรียมกลับมาเปิดได้ตามปกติ ทำให้มีคำสั่งซื้อที่สูงขึ้นมาก ซึ่งจะส่งผลดีต่อ NRF โดยตรงในการเพิ่มโอกาสจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร และเครื่องดื่มสำเร็จรูปชนิดผงและน้ำได้ดีมากยิ่งขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืช เนื่องจากกลุ่มร้านอาหารมีสัดส่วนการซื้อสินค้าในกลุ่มนี้ราว 20-30% ทำให้ NRF ได้รับประโยชน์มากขึ้นไปด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมพร้อมรองรับออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตในกลุ่มซอส เครื่องปรุงรสที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศส่งออกหลักอย่าง สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เป็นต้น