สกนช.เตรียมเสนอที่ประชุม กบน.เคาะแนวทางการบริหารจัดการราคาแอลพีจีหลังตลาดโลกเริ่มขยับ ขณะที่วงเงินที่ไว้ดูแลใกล้เต็มเพดานหมื่นล้านบาท จ่อชงลดภาษีสรรพสามิตแอลพีจี ขยายกรอบวงเงินดูแล หรือขยับราคาแอลพีจีหลังปีใหม่
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เป็นประธานปลาย ต.ค.นี้ จะเสนอการพิจารณาทิศทางราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือน ซึ่งเดิม กบน.ได้กำหนดกรอบวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบัญชีแอลพีจีติดลบไม่เกิน 10,000 ล้านบาทนั้นมีแนวโน้มจะเต็มเพดาน ธ.ค.นี้เพราะราคาแอลพีจีตลาดโลกปรับตัวสูง โดยแนวทางบริหารจัดการมีหลายแนวทาง แนวทางหนึ่งคือ การปรับเพิ่มขึ้นภาษีสรรพสามิตแอลพีจีในอัตรา 2 บาทต่อกิโลกรัม จากปัจจุบันมีการจัดเก็บอยู่ที่ 2.17 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งจะเหลือการจัดเก็บอยู่ที่ 0.17 บาทต่อกิโลกรัม
“การลดภาษีฯ แอลพีจีลงดังกล่าวจะไม่ทำให้รัฐสูญรายได้ เพราะจะเสนอให้เกลี่ยภาษีที่จัดเก็บไปปรับเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอัตรา 20 สตางค์/ลิตร ขณะเดียวกันจะช่วยลดภาวะโลกร้อนไปด้วยเพราะน้ำมันปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงกว่าก๊าซฯ ซึ่งสอดรับกับข้อเสนอแนะของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ให้การบริหารยุทศาสตร์กองทุนน้ำมันฯ ต้องดูถึงเรื่องการยกเลิกการอุดหนุนจากเชื้อเพลิงข้ามประเภท และเรื่องลดภาวะโลกร้อนด้วย” นายวิศักดิ์กล่าว
ปัจจุบันรัฐได้ตรึงราคาขายปลีกแอลพีจีเพื่อช่วยเหลือ ลดผลกระทบโควิด-19 รวม 9 เดือน สิ้นสุด 31 ธ.ค. 63 ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม หรือประมาณ 18 บาท/กก. โดยแนวทางการบริหารจัดการเมื่อสิ้นสุดมาตรการหรือวงเงินช่วยเหลือดังกล่าวคงอยู่ที่ กบน.จะตัดสินใจเพราะมีหลายแนวทางที่จะดำเนินการ เช่น การปรับขึ้นราคาแอลพีจีหลังปีใหม่ การขยายกรอบวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการดูแลจากปัจจุบันกำหนดไว้ 1 หมื่นล้านบาท อาจขยายเป็น 2 หมื่นล้านบาท เป็นต้น