xs
xsm
sm
md
lg

กทพ.ทุ่ม 8 หมื่นล้านผุดทางด่วน “ฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี”-“ศักดิ์สยาม” สั่งเร่งรถติดบนทางด่วน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ศักดิ์สยาม” สั่งบอร์ด กทพ.ชุดใหม่เร่งผุดทางด่วน 2 ชั้น (Double Deck) แก้รถติด ใช้เงิน TFF ตามแผนลดภาระดอกเบี้ย ด้าน กทพ.เซ็นจ้างออกแบบทางด่วน “นครนายก-สระบุรี” 104 กม. มูลค่า 8 หมื่นล้านผุดบายพาสแก้รถติด ถ.พหลโยธิน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามสัญญางานจ้างผู้ให้บริการออกแบบรายละเอียด โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี ระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับ บริษัท โชติจินดา คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท เอพซิลอน จำกัด ว่า ทางด่วนสายนี้จะเชื่อมต่อจากทางพิเศษฉลองรัชไปยังจังหวัดนครนายก และจังหวัดสระบุรี ระยะทาง 104 กม. เป็นทางเลือกที่จะช่วยระบายการจราจรจากถนนพหลโยธินที่เป็นเส้นทางหลักขาออกไปยังภาคกลางตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยประเมินค่าก่อสร้างรวมค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินประมาณ 80,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2565 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี แล้วเสร็จปี 2568 กำหนดอัตราค่าผ่านทางสำหรับรถ 4 ล้อ เริ่มต้นที่ 25 บาท ตลอดสาย 190 บาท

ทั้งนี้ ได้กำชับว่าในการศึกษาออกแบบและพิจารณากำหนดจุดขึ้น-ลงที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด และไม่ทำให้มีปัญหาจราจร และการทำประชาพิจารณ์ต้องให้ประชาชนและทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วม เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส เพื่อทำให้โครงการประสบความสำเร็จ

@ มอบนโยบายบอร์ด กทพ.ชุดใหม่เร่งงานก่อสร้างล่าช้า-ผุดทางด่วน 2 ชั้นแก้รถติด
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้มอบนโยบายแก่คณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ.ชุดใหม่ ที่มีนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน รวม 7 เรื่อง เช่น 1. เร่งแก้จราจรบนโครงข่ายทางด่วนทั้งระบบ เพื่อให้ประชาขนเดินทางสะดวก ประหยัดเวลา และปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องต่อเนื่องจากที่ ครม.ได้อนุมัติการขยายสัญญาสัมปทานกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ที่ กทพ.จะต้องดำเนินการ เช่น การทำทางด่วน 2 ชั้น (Double Deck) 2. เร่งรัดดำเนินโครงการต่างๆ ให้เป็นไปตามแผน ไม่ให้เกิดความล่าช้า เพราะมีผลกระทบต่อภาระงบประมาณ และภาระดอกเบี้ยกองทุน TFF 3. นำการบริหารงาน 5 มิติมาใช้ในการบริหารโครงการ เช่น การก่อสร้างด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนฯ รวมถึงต้องมีการติดตามงานอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

4. ใช้ข้อมูลจาก Big Data ในการวางแผนก่อสร้างและวางแผนจราจร โดยใช้โดรน และศูนย์ปฏิบัติการบริการจราจรแบบเรียลไทม์ให้เกิดประสิทธิภาพ 5. ใช้เทคโนโลยีบริหารงานให้มากที่สุด เพื่อลดจำนวนบุคลากร และทำงานร่วมกับ ทล. กทม. และตำรวจ เพื่อทำให้การบริหารจราจรมีประสิทธิภาพ และประชาชนได้รับทราบข้อมูลแบบเรียลไทม์ 6. ยึดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี 7. คำนึงระเบียบกฎหมาย หลักธรรมาภิบาล
ด้าน นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. กล่าวว่า สัญญางานจ้างผู้ให้บริการออกแบบรายละเอียดโครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี แบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 บริเวณจุดเชื่อมต่อโครงการจากทางพิเศษฉลองรัชถึงนครนายก และระยะที่ 2 จากนครนายกถึงสระบุรี วงเงินค่าจ้าง 380 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 540 วัน

โดยทางด่วนฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี มีระยะทาง 104.7 กม. ก่อสร้างเป็นทางยกระดับ มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 80,594.31 ล้านบาท (ค่าก่อสร้าง 73,198.89 ล้านบาท ค่าเวนคืน 7,395.42 ล้านบาท)
ก่อสร้างเป็นทางยกระดับ 6 ช่องจราจร (ทิศทางละ 3 ช่องจราจร) เริ่มต้นเชื่อมต่อกับทางพิเศษฉลองรัชที่ด่านฯ จตุโชติ บริเวณถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออก ไปทางทิศตะวันออกตัดผ่านถนนหทัยราษฎร์และถนนนิมิตใหม่ จากนั้นเลี้ยวขึ้นไปตัดผ่านถนนลำลูกกา บริเวณ กม.22+500 ทางหลวงชนบท นย.3001 ถนนรังสิต-นครนายก บริเวณ กม.59+800 แล้วขึ้นไปทางเหนือ ตัดผ่านทางหลวง 33 (ถนนสุวรรณศร) บริเวณ กม.116+000 และทางหลวง 3222 จากนั้นแนวเส้นทางจะขนานไปตามทางหลวง 3222 เชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-นครราชสีมา และทางเลี่ยงเมืองสระบุรี สิ้นสุดโครงการที่ถนนมิตรภาพ บริเวณ กม.10+700 อำเภอแก่งคอย สระบุรี

มีทางขึ้น-ลง 9 แห่ง คือ 1. ถนนวงแหวนรอบนอกฯ 2. ถนนหทัยราษฎร์ 3. ถนนลำลูกกา 4. ทางหลวงชนบท นย. 3001 (องครักษ์) 5. ถนนรังสิต-นครนายก (บางอ้อ) 6. ถนนสุวรรณศร (บ้านนา) 7. ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 (บางปะอิน-นครราชสีมา) 8. ทางเลี่ยงเมืองสระบุรี 9. ถนนมิตรภาพ และมีจุดพักรถ (Rest Area) 1 จุด บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษบางอ้อ จัดเก็บค่าผ่านทางเป็นระบบปิด ค่าผ่านทางตามระยะทาง รับบัตรขาเข้า ชำระค่าผ่านทางขาออก
เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี 2568 จะช่วยเพิ่มความสะดวก ปลอดภัย และประหยัดเวลาแก่ผู้ใช้เส้นทางที่เดินทางจากกรุงเทพมหานครไปยังภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และถนนพหลโยธิน และระบบโครงข่ายถนนปัจจุบันที่แนวเส้นทางโครงการตัดผ่าน รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาพื้นที่ และส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเต็มศักยภาพ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจในพื้นที่โครงการและในระดับประเทศ

เนื่องจากปัจจุบันการเดินทางจากกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดปทุมธานี จังหวัดนครนายก และจังหวัดสระบุรี จะใช้ถนนพหลโยธิน และถนนรังสิต-นครนายก เป็นเส้นทางหลัก ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณการจราจรหนาแน่น เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักสู่ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งมีโรงงานอุตสาหกรรมตั้งอยู่ตลอดแนวเส้นทาง นอกจากนั้น เส้นทางดังกล่าวยังมีปริมาณรถบรรทุกขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความล่าช้าในการเดินทาง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดและช่วงเทศกาลจะเกิดปัญหาการจราจรติดขัดตลอดแนวเส้นทาง






กำลังโหลดความคิดเห็น