TPAC เล็งเพิ่มสัดส่วนรายได้กลุ่มลูกค้าบริษัทยามากขึ้น มั่นใจปีนี้ผลประกอบการทุบสถิติสูงสุด เหตุธุรกิจบรรจุภัณฑ์ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
นายเควิน คูมาร์ ชาร์มา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลาสติคและหีบห่อไทย (TPAC) เปิดเผยว่าบริษัทมองเห็นโอกาสการเติบโตในธุรกิจยามากขึ้น ดังนั้นบริษัทจะเน้นเจาะตลาดลูกค้าบริษัทยาเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้า Pharmaceutical & Personal Care 24%
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมองหาการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันก็มีโครงการในมืออยู่หลายโครงการ โดยเชื่อมั่นว่าจากกระแสเงินสดในมือเพียงพอต่อการลงทุน ขณะเดียวกันก็มีทีมงานที่แข็งแกร่งทั้งในไทย อินเดีย และ UAE ที่แสวงหาโอกาสการลงทุนในแต่ละประเทศอยู่แล้ว
บริษัทตั้งเป้าหมายในปี 2563 จะมีรายได้และกำไรทำสถิติสูงสุดจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,802.06 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 138.84 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกนี้บริษัทมีรายได้รวม 1,992.08 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 178.79 ล้านบาท คาดว่าครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะมีผลดำเนินงานใกล้เคียงกับครึ่งแรกปี 2563
ในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา อินเดียมีการปิดล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ของอินเดียที่ต้องปิดโรงงานทำให้กำลังการผลิตหายไป แต่โรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบเพราะถือเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน จึงได้รับอนุญาตให้เดินเครื่องจักรต่อไปได้ ทำให้กำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ยังเป็นบวก
ส่วนในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. 63 ทิศทางผลงานของธุรกิจในอินเดียเริ่มกลับมาดีขึ้น ทำให้ในครึ่งปีหลังนี้อินเดียจะสามารถโชว์ผลการดำเนินงานได้ดีกว่าครึ่งปีแรก ส่วนในประเทศไทยและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มีผลงานดีอยู่แล้ว ซึ่งจะรักษาระดับนี้ให้ดีต่อไป
สำหรับการลงทุนในปีนี้ บริษัทฯ จะเข้าซื้อหุ้นที่เหลือจำนวน 20% ใน TPAC Packaging India Private Limited (TPAC India) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 80% จาก Mr. Kanhaiyalal Mundhra และ Mr. Hitesh Kumar Mundhra มูลค่าราว 550 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ต.ค. 63 ซึ่งจะทำให้บริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 100% ใน TPAC India
ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานอยู่ในประเทศไทย 4 แห่ง, อินเดีย 5 แห่ง และ UAE อีก 1 แห่ง โดยสัดส่วนรายได้มาจากประเทศไทยคิดเป็น 46%, อินเดีย 43% และ UAE 11% มุ่งเน้นไปยังลูกค้ากลุ่ม Food & Beverage ที่มีสัดส่วนรายได้ 67%, Pharmaceutical & Personal Care 24%, Industrial & Homecare 9%