ศบค.เผยประเทศไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 5 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งหมด เป็นต่างชาติ 2 ราย ได้แก่นักฟุตบอลอุซเบกิสถาน 1 ราย เด็กญี่ปุ่นอายุ 9 ขวบ 1 ราย ที่เหลือเป็นคนไทยเดินทางมาจากอินเดีย 2 ราย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย เข้าพักในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ ส่วนผู้ป่วยเหลือรักษาอยู่ 96 ราย
วันนี้ (12 ก.ย.) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย เดินทางจากต่างประเทศ มาจากอุซเบกิสถาน 1 ราย ญี่ปุ่น 1 ราย อินเดีย 2 ราย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,466 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,445 ราย และตรวจพบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จำนวน 528 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,312 ราย ส่วนผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 96 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
ผู้ป่วยรายใหม่กลับจากอุซเบกิสถาน 1 ราย เป็นชาย สัญชาติอุซเบกิสถาน อายุ 29 ปี นักฟุตบอล ถึงไทย 13 ส.ค. เข้าพัก Alternative State Quarantine กรุงเทพมหานคร 8 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ
ญี่ปุ่น 1 ราย เป็นชาย สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 9 ปี นักเรียน ถึงไทย 4 ก.ย. เข้าพัก Alternative State Quarantine กรุงเทพมหานคร 10 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ
อินเดีย 2 ราย เป็นชายไทย อายุ 24 และ 34 ปี นักเรียน ถึงไทย 6 ก.ย. State Quarantine จ.ชลบุรี 9 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ
และจากสหรัฐเอมิเรตส์ 1 ราย เป็นหญิงไทย อาชีพลูกเรือ ถึงไทย 9 ก.ย. ผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค 9 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ
ด้านสถานการณ์ ทั่วโลก วันเสาร์ที่ 12 กันยายน 2563 เวลา 10.00 น. ยอดผู้ติดเชื้อรวม 28,649,519 ราย อาการรุนแรง 60,889 ราย รักษาหายแล้ว 20,574,287 ราย เสียชีวิต 919,577 ราย
อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด
1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 6,636,247 ราย
2. อินเดีย จำนวน 4,657,379 ราย
3. บราซิล จำนวน 4,283,978 ราย
4. รัสเซีย จำนวน 1,051,874 ราย
5. เปรู จำนวน 710,067 ราย
ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 125 จำนวน 3,466 ราย
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ สถานที่กักตัวทางเลือกและโรงพยาบาลทางเลือกแล้วนั้น ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ผ่านการเข้ารับการเฝ้าระวังอาการมาแล้ว 14 วัน แม้ว่าภาครัฐจะมีมาตรการคัดกรองป้องกันควบคุมโรค ในผู้ที่เดินทางกลับเข้าประเทศทุกคนอย่างเคร่งครัด แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยอาจยังมีผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการปะปนอยู่ในชุมชน
จึงขอให้ประชาชนอย่าประมาทการป้องกันตนเองจากโรคโควิด 19 เน้นย้ำการสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกนอกบ้านและอยู่ในที่สาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่นยังมีความจำเป็นและต้องทำให้เป็นนิสัยกรณีที่ไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ ให้หลีกเลี่ยงการพูดคุยและหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในสถานที่แออัดคนรวมกันจำนวนมาก ไม่นำตัวเองไปสัมผัสกับความเสี่ยง และเมื่อไปใช้บริการในสถานที่ต่างๆ ควรลงทะเบียน เข้า-ออก สถานที่ ในแพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” ทุกครั้ง เพราะเมื่อพบผู้ติดเชื้อจะได้ใช้ข้อมูลติดตามผู้สัมผัสมาเฝ้าระวัง ตรวจวินิจฉัย เพื่อการป้องกัน ควบคุมโรคและช่วยกันรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในระดับต่ำต่อไป
และขอความร่วมมือให้ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เมื่อกักตัวครบ 14 วัน และกลับสู่ภูมิลำเนาแล้ว ให้ยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยแยกตัวจากผู้อื่นต่อจนครบ 30 วันและสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อลดโอกาสที่จะแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่นต่อไป