“สนพ.” กางแผนลดสำรองไฟ เล็งปลดโรงไฟฟ้าเก่าที่มีประสิทธิภาพต่ำออกจากระบบโดยสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ยันไม่เลื่อน COD โรงไฟฟ้าใหม่ตามแผนพีดีพี พร้อมลุยแนวทางเปิดเสรี LNG ให้แข่งขันเพิ่มหวังลดต้นทุนค่าไฟ
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เปิดเผยถึงกรณีมติ กบง. เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2563 ที่ได้มอบหมายให้ทุกส่วนไปหารือแนวทางการลดต้นทุนค่าไฟฟ้าซึ่งรวมถึงกรณีที่สำรองไฟฟ้าที่สูง 37-40% ว่า การแก้ไขปัญหากำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง (Reserve Margin) สูงนั้นกระทรวงพลังงานจะพิจารณาแนวทางแก้ไขอย่างเป็นระบบ โดยจะคำนึงถึงการนำไปสู่การบริหารจัดการระบบไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดต้นทุนของประเทศ
ทั้งนี้ แนวทางเบื้องต้นในการพิจารณาเช่น การปลดโรงไฟฟ้าเก่าที่มีประสิทธิภาพต่ำออกจากระบบ เพื่อให้สามารถสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงได้อย่างเต็มที่ รวมถึงจะดำเนินการให้โรงไฟฟ้าใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) มีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ชัดเจนแล้ว ให้สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบตามเวลาที่กำหนดไว้แล้วในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ซึ่งจะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของประเทศ และยังช่วยลดต้นทุนของประเทศโดยรวม
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังจะพิจารณาแนวทางการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปด้านพลังงานในการเปิดให้มีการแข่งขันในการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากผู้นำเข้าหรือ Shipper หลายราย โดยเป็นการใช้กลไกตลาดให้เกิดการแข่งขันด้านราคานำเข้า LNG ทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าลดลง ส่งผลให้มีราคาค่าไฟฟ้าถูกลงด้วย ซึ่งหากดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวได้จะทำให้ประเทศไทยมีต้นทุนทางด้านพลังงานลดลง อันจะช่วยเพิ่มขีดความสามรถในการแข่งขันของประเทศในที่สุด ดังนั้น ในประเด็นที่กล่าวข้างต้น กระทรวงพลังงานถือเป็นนโยบายสำคัญที่ต้องดำเนินการต่อเนื่องตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 โดยเร็ว โดยจะเห็นแนวทางชัดเจนภายใน 2 เดือนสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง