นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามและขับเคลื่อนฯ ดังกล่าว โดยแจ้งให้ทราบถึงการขับเคลื่อนโครงการทั้งหมด 88 โครงการว่า เป็นโครงการที่มีพระราชดำริโดยตรง 26 โครงการ และโครงการที่ราษฎรขอพระราชทานความช่วยเหลือ (ฎีกา) 62 โครงการ โดย 56 โครงการได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) และกรมชลประทาน อีก 25 โครงการอยู่ระหว่างขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ส่วนโครงการที่เหลือติดปัญหาด้านต่างๆ
ที่ประชุมยังได้พิจารณาโครงการที่จะบรรจุในภารกิจของคณะกรรมการติดตามและขับเคลื่อนฯ ในพื้นที่ 2 ลุ่มน้ำ ได้แก่ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 9 โครงการ ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ และ จ.ลพบุรี ความจุรวม 67.46 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่รับประโยชน์ 55,220 ไร่ และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำสองฝั่งลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 15 โครงการ อยู่ในเขตพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด และอุบลราชธานี ขนาดความจุรวม 14.61 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่รับประโยชน์ 12,030 ไร่
ส่วนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 87 โครงการ นับแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2559 - สิงหาคม 2563 แบ่งเป็นโครงการที่มีพระราชดำริโดยตรงด้านการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 23 โครงการ ดำเนินการแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย โครงการจากฎีการาษฎร 64 โครงการ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณไปแล้ว 30 โครงการ อาทิ โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น อ.เมืองฯ จ.สกลนคร โครงการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำห้วยต้นยาง พร้อมระบบส่งน้ำ อ.พาน จ.เชียงราย โครงการก่อสร้างฝายคลองท่ากระจาย อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี และโครงการก่อสร้างฝายบ้านเขาแดง อ.สอยดาว จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ องคมนตรีและคณะได้ร่วมพิจารณาหาแนวทางขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ยังติดปัญหา รวมทั้งการพัฒนาต่อยอดโครงการฯ เพื่อสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ราษฎรต่อไป