เออาร์วีจับมือเมอร์เมดฯ ตั้งบริษัทร่วมทุน “ซีเควสต์” เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์และเอไอสำหรับให้บริการงานวิศวกรรมใต้ทะเลในเชิงพาณิชย์ แก่บริษัทน้ำมันและก๊าซฯทั้งในและต่างประเทศ คาดเริ่มให้บริการในปี 2564
บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (เออาร์วี) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ได้ร่วมทุนกับบริษัท เมอร์เมด ซับซี เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด (MSST) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือเมอร์เมด จัดตั้ง บริษัท ซีเควสต์ จำกัด ขึ้น เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์สำหรับให้บริการงานวิศวกรรมใต้ทะเลในเชิงพาณิชย์ แก่บริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และบริษัทด้านพลังงานทดแทนที่มีการดำเนินงานในทะเล ทั้งในภูมิภาคเอเชียและในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก
บริษัท ซีเควสต์ จำกัด (ZeaQuest Co.,Ltd) มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นจำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 155 ล้านบาท และมีสัดส่วนการถือหุ้นระหว่าง เมอร์เมด ซับซี เซอร์วิสเซส และ เออาร์วี เท่ากันที่ร้อยละ 50 โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในงานบริการวิศวกรรมใต้ทะเล ที่ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ในระดับสากล
นายธนา สราญเวทย์พันธุ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ เออาร์วี กล่าวว่า เออาร์วี มีความเชี่ยวชาญในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ที่ใช้ในการสนับสนุนกิจกรรมการสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียม รวมไปถึงอุตสาหกรรมและธุรกิจอื่นๆ นอกเหนือจากด้านพลังงาน ความร่วมมือของทั้งสองบริษัทฯ ในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญที่จะขับเคลื่อนนวัตกรรมและเทคโนโลยีประสิทธิภาพสูงที่เออาร์วีพัฒนาขึ้น เพื่อให้บริการในการสำรวจ ตรวจสอบ และซ่อมบำรุงโครงสร้างและอุปกรณ์ใต้ทะเล เพื่อกลุ่มธุรกิจต่างๆ ทั้งในภูมิภาคและทั่วโลก โดยมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งของเมอร์เมดฯ เป็นแรงสนับสนุน
นอกจากนี้ เออาร์วียังอยู่ในระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น หุ่นยนต์ใต้น้ำอัตโนมัติไร้สาย หรือ เอ็กซ์พลอเรอร์ (Xplorer) หุ่นยนต์ซ่อมบำรุงท่อใต้น้ำ หรือนอติลุส (Nautilus) รวมทั้งเทคโนโลยีทางด้านปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ผลตรวจสอบ หรือการใช้ Internet of Things (IoT) ในการสื่อสารและส่งผ่านข้อมูลซึ่งตั้งเป้าที่จะให้บริการในเชิงพาณิชย์ภายในปี 2564 ดังนั้น บริษัท ซีเควสต์ จำกัด ที่จัดตั้งร่วมกันนี้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ เออาร์วี และเมอร์เมดฯ ตลอดจนอุตสาหกรรมการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจากเทคโนโลยีเหล่านี้ รวมถึงก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่ประเทศไทยด้วย
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมอร์เมดฯ ดำเนินธุรกิจในด้านการให้บริการงานวิศวกรรมใต้ทะเล มานานกว่า 30 ปี และมีฐานปฏิบัติการที่กระจายอยู่ในหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหราชอาณาจักร เป็นต้น บริการของเมอร์เมดฯ มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรือวิศวกรรมใต้ทะเล อุปกรณ์ดำน้ำแบบพิเศษ ยานสำรวจใต้ทะเล ROV เรือขุดเจาะนอกชายฝั่ง ฯลฯ เมอร์เมดฯ จึงสามารถให้บริการงานวิศวกรรมใต้ทะเลได้แบบครบวงจร และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาโดยตลอด สิ่งที่ลูกค้าต้องการจากเมอร์เมดฯ คือ เทคโนโลยีที่ทันสมัยและบุคลากรที่เชี่ยวชาญ ซึ่งการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกันของเมอร์เมดฯ และ เออาร์วี ในครั้งนี้ นับเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่จะช่วยยกระดับงานบริการงานวิศวกรรมใต้ทะเลของเมอร์เมดฯ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยอาศัยเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ของ เออาร์วี ในระยะเริ่มต้น บริษัท ซีเควสต์ วางแผนที่จะนำหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ไปให้บริการงานด้าน สำรวจ ตรวจสอบ ติดตั้ง รื้อถอน และซ่อมบำรุงโครงสร้างหรืออุปกรณ์ใต้ทะเล ฯลฯ แก่บริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก่อน หลังจากนั้นจะขยายการบริการไปสู่ภูมิภาคตะวันออกกลางและทั่วโลกต่อไป