“สุพัฒนพงษ์” ยอมรับการประกาศเกณฑ์รับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนขยับออกไปเป็นเดือน ต.ค.จากเดิมภายใน ก.ย.นี้เหตุมีงานหลายด้านเข้ามา แต่ยังเดินหน้าประกาศรับซื้อภายในสิ้นปีนี้แน่นอน ยันนำร่องแค่ 100-200 เมกะวัตต์ก่อน เปิดทาง บมจ.ร่วมได้
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประกาศเกณฑ์รับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนที่ได้มอบหมายให้พิจารณาทบทวนให้เสร็จภายใน 30 วัน หรือภายในกันยายนนี้อาจจะต้องล่าช้าออกไปเป็นเดือนตุลาคมแทนเนื่องจากมีงานหลายด้านทั้งพลังงานและเศรษฐกิจอื่นๆ ที่จำเป็นต้องเร่งแก้ไขก่อน แต่การเปิดรับซื้อจะยังพยายามที่จะให้เป็นไปตามกำหนดภายในสิ้นปีนี้ และจะนำร่อง 100-200 เมกะวัตต์ก่อนเพื่อให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนว่าเกษตรกรจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
“ยังยืนยันว่ากระทรวงพลังงานยังสนับสนุนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเช่นเดิม แต่อาจจะล่าช้าไปจากแผนเดิมเล็กน้อยเนื่องจากหลังรับตำแหน่งมีงานดูแลที่หลากหลายเลยอาจทำให้การประกาศเกณฑ์รับซื้อโรงไฟฟ้าชุมชนคงเป็น ต.ค.แทน แต่จะยังพยายามคงเป้าหมายเปิดให้เอกชนมายื่นเสนอขายไฟได้ภายในสิ้นปีนี้” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีข้อเรียกร้องจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ต้องการให้กำหนดปริมาณรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชนขั้นต่ำ 400 เมกะวัตต์นั้น เบื้องต้นจะขอนำร่องในระดับ 100-200 เมกะวัตต์ไปก่อนเพื่อให้เห็นว่าเกษตรกรและชุมชนจะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ได้จริงและค่าไฟฟ้าที่สนับสนุนรูปแบบ FiT เป็นต้นทุนที่สูงก็จะต้องไม่ส่งผลกระทบค่าไฟฟ้ารวมจนสูงเกินไปด้วย ดังนั้น หากพบว่าเกษตรกรและชุมชนได้รับประโยชน์มากพอที่จะแลกกับค่าไฟที่สูงขึ้นเล็กน้อยก็สามารถเดินหน้าเปิดรับซื้อเพิ่มเติมจะเท่าใดก็ได้
“ขณะนี้ นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กำลังเร่งพิจารณาเกณฑ์ต่างๆ อยู่ เบื้องต้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็สามารถดำเนินการได้ หากเป็นไปตามกรอบหลักเกณฑ์ที่จะกำหนดขึ้นมาใหม่ ซึ่งตนได้เน้นให้ข้อสำคัญคือประโยชน์ต้องตกแก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชนที่เข้าร่วมโครงการอย่างแท้จริง พืชพลังงานที่จะรับซื้อเข้าโครงการก็จะต้องให้ราคาที่สูงกว่าการจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไปด้วย” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว