xs
xsm
sm
md
lg

“สุริยะ” โชว์ความพร้อมศักยภาพนิคมฯ พร้อมรับต่างชาติย้ายฐานการผลิตเข้าไทย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมโชว์ศักยภาพพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมรองรับการย้ายฐานการผลิต (Relocation) ของนักลงทุนต่างชาติมาไทยระลอกใหม่ ตอกย้ำการเป็นฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สถานการณ์วิกฤต COVID-19 นำมาซึ่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI) แต่อย่างไรก็ตามยังเชื่อมั่นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากหลายประเทศในการย้ายฐานการลงทุนและฐานการผลิตเข้ามาโดยเฉพาะในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนจากประเทศจีน ไต้หวัน ฮ่องกง และญี่ปุ่น โดยเฉพาะการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร การแปรรูปสินค้าเกษตร และเครื่องมือทางการแพทย์ ขณะที่ภาคการผลิตในประเทศเองเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวเช่นเดียวกัน สอดคล้องกับการรายงานตัวเลขดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ที่ระบุว่ามีการกลับมาขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 (สถิติล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน 2563)

“หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรองรับการลงทุน เช่น การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย( กนอ.) ตระหนักดีถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้เตรียมความพร้อมในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งเพื่อเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของภาคอุตสาหกรรมในภูมิภาคอาเซียนสำหรับรองรับการย้ายฐานการผลิต (Relocation) ของนักลงทุนที่ตอบโจทย์ทุกการแข่งขัน บวกกับการที่ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ในการเป็นฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน 3 ด้าน คือ 1. เป็นจุดศูนย์กลางทางการค้าของภูมิภาค 2. มีการเชื่อมโยงด้านโลจิสติกส์ที่ชัดเจน ทั้งทางถนนและรถไฟ และ 3. เป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลในภูมิภาค จึงเป็นแรงขับเคลื่อนอีกทางที่เร่งให้การลงทุนล็อตใหม่เกิดได้เร็วยิ่งขึ้น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าว

นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ.คาดการณ์ว่าการลงทุนจากต่างชาติจะขยายตัวเพิ่มขึ้น เห็นได้จากตัวเลขการยื่นคำขอใบอนุญาตประกอบกิจการของ กนอ.ช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาที่มีผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตเพิ่มขึ้น ทั้งที่เป็นการแจ้งประกอบกิจการใหม่ และขยายกิจการเดิม แต่เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันทำให้การเดินทางเข้า-ออกประเทศของนักลงทุนเกิดการชะลอตัว กนอ.จึงได้ปรับแผนรองรับสถานการณ์ดังกล่าว ด้วยการติดต่อกับนักลงทุนผ่านระบบเทคโนโลยีด้านสารสนเทศ และสื่อสารในระบบออนไลน์มาเป็นเครื่องมือสื่อสารข้อมูลเบื้องต้นกับกลุ่มลูกค้าและนักลงทุน เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและเป็นการให้ข้อมูลที่ถูกต้องก่อนตัดสินใจเข้ามาลงทุน

“ที่ผ่านมานักลงทุนให้ความสนใจมาลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับผลการหารือระหว่างนักลงทุนญี่ปุ่น เจโทร และเจซีซี ที่ระบุว่านักลงทุนญี่ปุ่นมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทยและใช้เป็นฐานการลงทุน เนื่องจากไทยมีความหลากหลายทางการลงทุน และมีระบบห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ที่ดี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ที่นักลงทุนญี่ปุ่นสามารถเชื่อมโยงหรือหาคู่ธุรกิจเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกันได้ไม่ยากนัก” ผู้ว่าการ กนอ.กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น