xs
xsm
sm
md
lg

EGCO จ่อยื่นขอใบ LNG Shipper ลั่นปีนี้มีกำไรดำเนินงานใกล้เคียงปี 63

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ผลิตไฟฟ้า” เตรียมยื่นขอใบอนุญาต LNG Shipper ในปีนี้ แย้มปีนี้มีกำไรจากการดำเนินงานใกล้เคียงปีก่อนที่ระดับ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่วางไว้โต 6% หลังความต้องการใช้ไฟฟ้าวูบ
 
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) เปิดเผยว่า บริษัทสนใจลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ครบวงจร โดยเตรียมยื่นขอใบอนุญาตการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper) ต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในเร็วๆ นี้ โดยบริษัทมีปริมาณใช้ก๊าซฯ ส่วนเกินจากสัญญาซื้อขายก๊าซฯ ระยะยาวที่ทำไว้กับ ปตท.ประมาณ 2 แสนตัน/ปี เพื่อใช้ป้อนโรงไฟฟ้าในเครือฯ

ส่วนผลดำเนินงานในปี 2563 บริษัทคาดว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงานใกล้เคียงปีก่อนที่ระดับ 1.03 หมื่นล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งเป้าโตขึ้น 6% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจหดตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง โดยเฉพาะประเทศเกาหลีใต้และฟิลิปปินส์ที่การใช้ไฟลด 25-30% ที่บริษัทลงทุนอยู่ แม้ว่าปีนี้จะรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าถ่านหินซานบัวนาเวนทูรา ที่ฟิลิปปินส์ และโรงไฟฟ้าไซยะบุรี สปป.ลาว ส่วนโรงไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงกังดงในเกาหลีใต้จะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 4 ปี 2563

นอกจากนี้ พบว่าโครงการโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 ที่ลาว และโรงไฟฟ้าพลังลมหยุนหลิน ที่ไต้หวัน ก่อสร้างล่าช้าจากผลกระทบโควิด -19 แต่ก็ยังคงเป้าจ่ายไฟเข้าระบบตามกำหนดเดิม

นายเทพรัตน์กล่าวต่อไปว่า ในปี 2563 บริษัทไม่ได้ปรับลดงบลงทุนที่ตั้งไว้ 3 หมื่นล้านบาท (ไม่รวมเงินลงทุนเพื่อเข้าซื้อกิจการ (M&A)) โดยครึ่งแรกปี 2563 ลงทุนไปแล้ว 2.1 หมื่นล้านบาท ที่เหลือจะทยอยลงทุนเพิ่มใน 4 โครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เช่น โรงไฟฟ้ากังดง, โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ “น้ำเทิน 1” ใน สปป.ลาว คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 2 /2565 และโรงไฟฟ้าพลังงานลมหยุนหลิน ขนาด 640 เมกะวัตต์ในไต้หวัน คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 3 ปีหน้า และโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการไตรมาสที่ 4/2564

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 4,662 ล้านบาท ลดลงจำนวน 3,035 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนจากอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) อยู่ที่ 1.19 เท่า ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 3 บาท ในวันที่ 17 กันยายน 2563
 
นายเทพรัตน์กล่าวว่า บริษัทยังมองหาโอกาสการเติบโตทางธุรกิจไฟฟ้าทั้งด้านการผลิตและให้บริการด้านพลังงาน รวมทั้งแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจเชื้อเพลิงและระบบสาธารณูปโภค โดยได้เริ่มลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านเชื้อเพลิง (Fuel Infrastructure) ซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจหลัก เช่น โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น และธุรกิจ Smart Energy Solution ในฐานะผู้ให้บริการด้านนวัตกรรมพลังงานอย่างครบวงจร เช่น การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง ให้เป็น Smart Industrial Estate ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำ EIA โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 และการพัฒนาโครงการโซลาร์ในรูปแบบ Solar Solution Provider ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าอุตสาหกรรมและอาคารพาณิชย์ รวมทั้งสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชนด้วย
 


กำลังโหลดความคิดเห็น