รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน และรัฐมนตรีอาร์เซ็ป นัดประชุมผ่านทางไกล วันที่ 24-29 ส.ค.63 สรุปความคืบหน้าการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจของอาเซียนในรอบปีที่ผ่านมา เพื่อเสนอผู้นำพิจารณา และหารือเตรียมการลงนามความตกลงอาร์เซ็ป ในช่วงการประชุมสุดยอดเดือน พ.ย.นี้ พร้อมติดตามความคืบหน้าการร่วมมือทางเศรษฐกิจกับคู่เจรจา 11 ประเทศ
นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เป็นหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 52 การประชุมรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ครั้งที่ 8 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 24-29 ส.ค.2563 ผ่านระบบทางไกล ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปีของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน 10 ประเทศ จะร่วมกันหารือสรุปความก้าวหน้าและความสำเร็จการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจของอาเซียนในช่วงปีที่ผ่านมา เพื่อเสนอต่อผู้นำที่จะประชุมร่วมกันในการประชุมสุดยอดอาเซียนเดือนพ.ย.2563 ขณะที่รัฐมนตรีอาร์เซ็ป 16 ประเทศ จะหารือเพื่อเตรียมการลงนามความตกลงฯ ในช่วงการประชุมสุดยอดอาร์เซ็ปในเดือนพ.ย.2563 นี้ด้วย
สำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน จะรับรองและเห็นชอบเอกสารสำคัญหลายฉบับ ทั้งในส่วนของการดำเนินงานของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและระหว่างอาเซียนกับคู่เจรจา ได้แก่ 1.ดัชนีวัดการบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน 2.ข้อริเริ่มร่วมของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีในการเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 3.ร่างแผนปฏิบัติการของอาเซียนบวกสามว่าด้วยการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) 4.แผนการดำเนินงานภายใต้กรอบความตกลงด้านการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ และการขยายการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ ปี 2563-2564 5.แผนงานเพื่อดำเนินการตามปฏิญญาร่วมระหว่างอาเซียนและแคนาดาด้านการค้าและการลงทุน ปี 2565-2568 6.แผนงานด้านการค้าและการลงทุนอาเซียน-สหภาพยุโรป ปี 2563-2564 และ 7.แผนงานความร่วมมือระหว่างคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย กับสำนักเลขาธิการอาเซียน ปี 2563-2568
ทั้งนี้ นอกจากการประชุมของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน 10 ประเทศแล้ว ยังจะมีการพบหารือและการประชุมกับรัฐมนตรีการค้าของประเทศคู่เจรจาของอาเซียนอีก 11 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐฯ แคนาดา รัสเซีย และสหภาพยุโรป ซึ่งจะเป็นโอกาสดีที่อาเซียนจะได้หารือพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับประเทศเหล่านี้ และเตรียมการก่อนที่ผู้นำอาเซียนจะพบกับผู้นำของประเทศคู่เจรจาทั้ง 11 ประเทศ ในเดือนพ.ย.2563
ตลอดปีที่ผ่านมา สมาชิกอาเซียนได้เดินหน้าหารืออย่างต่อเนื่องถึงแม้จะประสบกับปัญหาการระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยสามารถบรรลุข้อตกลงและพร้อมจะลงนามภายในปีนี้ ได้แก่ 1.ข้อตกลงยอมรับร่วมสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ 2.กรอบความตกลงอาเซียนด้านยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 3.การทบทวนข้อตกลงยอมรับร่วมในผลการตรวจสอบและรับรองของอาเซียน ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2541 ให้ทันสมัย 4.ข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวัสดุก่อสร้าง
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่มีความคืบหน้าอย่างมาก เช่น การใช้งานระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน (ASEAN-Wide Self Certification) ซึ่งจะเริ่มใช้ในเดือนก.ย.2563 การเตรียมขยายการใช้งานระบบ ASEAN Single Window ให้ครอบคลุมเอกสารอื่นเพิ่มเติมนอกเหนือจากใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin : CO) เป็นต้น
การค้าระหว่างไทยกับอาเซียนในปี 2562 มีมูลค่าการค้ารวม 107,674 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกจากไทยไปอาเซียน 62,841 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าของไทยจากอาเซียน 44,833 ล้านเหรียญสหรัฐ และในช่วง 6 เดือนปี 2563 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่าการค้ารวม 47,749 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอาเซียน 28,498 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียน 19,251 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าสำคัญของไทยในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์