ผู้จัดการรายวัน360- จีเอ็มเอ็มมิวสิค เดินเกมรุกตลาดขายตรง ดึงศิลปินระดับครีมที่มีฐานแฟนคลับหนาแน่น ร่วมตั้งแบรนด์ผลิตสินค้าช่องทางขายตรงแบ่งเปอร์เซนต์ตามตกลง ประเดิม “ต่าย-อรทัย” ลุยกลุ่มสกินแคร์ แบรนด์ “ออร่า-ทัย” วางเป้าหมายใน 3 ปีปั้นให้ได้ 3 แบรนด์ศิลปิน สร้างยอดขาย 500 ล้านบาท
นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จีเอ็มเอ็มได้เข้าสู่ธุรกิจขายตรงในรูปแบบเอสแอลเอ็ม ด้วยการตั้งบริษัท จีเอ็มเอ็ม กู๊ดส์ จำกัด ( GMM GOODS) เพื่อดำเนินธุรกิจขายตรง ด้วยการนำศิลปินในสังกัดมาร่วมกันเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือสินค้าศิลปิน(Artist Product)ในระบบขายตรง เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับศิลปินและบริษัทฯด้วย
โดยตั้งเป้าหมายให้จีเอ็มเอ็มกู๊ดส์นี้มีสัดส่วนรายได้ 10% จากรายได้ในกลุ่มของจีเอ็มเอ็มมิวสิคภายใน 3 ปี
เบื้องต้นนี้จะพิจารณาจากศิลปินในสังกัดที่ไม่ใช่ดูแค่ความดังอย่างเดียวเท่านั้น ปัจจัยหลักในการคัดเลือกคือ พิจารณาจากฐานข้อมูลของตัวศิลปิน หรือบิ๊กดาต้าที่เราใช้เวลาในการศึกษาและเก็บข้อมูลมานาน ไม่ว่าจะเป็นฐานแฟนคลับ ความนิยมตัวศิลปินและผลงาน ผู้ติดตามในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆของแต่ะคน ซึ่งขณะนี้มีศิลปินในเครือมากกว่า 300 ราย คาดว่าจะมีประมาณ 10% ที่สามารถเข้าสู่ระบบจีเอ็มเอ็มกู๊ดส์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในเบื้องต้น และในอนาคตอาจจะเปิดกว้างสำหรับศิลปินอิสระด้วยที่ต้องการเข้าระบบขายตรงของเรา
ในแผน3 ปีแรกนี้เริ่มตั้งแต่กลางปี2563คาดว่าจะมีอย่างน้อย 3 ศิลปินที่ทำได้ และคาดหวังว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 500 ล้านบาท และปีแรกจะมีตัวแทนขาย 9,000 คน ปีที่2มี 15,000 คน และปีที่3จะมี 25,000 คน
โดยศิลปินแต่ละรายจะพยายามทำสินค้าที่ไม่ซ้อนกันคนละกลุ่มสินค้า และได้รับส่วนแบ่งตามที่ตกลงกัน ซึ่งศิลปินจะเป็นเจ้าของแบรนด์ร่วมกับบริษัท ถ้าหากอนาคตเลิกก็ต้องเลิกด้วยกันทั้งสองฝ่าย ห้ามใครเอาแบรนด์ไปใช้
ทั้งนี้ศิลปินรายแรกที่เข้าสู่ระบบขายตรงนี้คือ “ต่าย-อรทัย ดาบคำ” ที่อยู่ในวงการเพลงลูกทุ่งมานานกว่า 20 ปี เนื่องจากฐานข้อมูลที่มีอยู่มีความเหมาะสมอย่างมาก โดย ต่าย-อรทัย เป็นศิลปินที่ติด 1 ใน 5 ของจีเอ็มเอ็มที่มีฐานแฟนคลับหนาแน่นทุกช่องทางมากที่สุด
กล่าวคือ ต่าย-อรทัย มี แฟนคลับทั่วประเทศมาก เฟซบุ๊กมีผู้ติดตามมากถึง 5,500,000 ฟอลโลอเออร์ส, มีผู้ติดตามในยูทูปมากถึง 720,000 ฟอลโลเออร์ส และมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมมากถึง 600,000 ฟอลโลเออร์ส มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนและแฟนคลับพร้อมสนับสนุนทุกเรื่องที่ ต่าย-อรทัย ทำ การเลือก ต่าย-อรทัย ก่อน เพราะต้องการที่จะเจาะฐานตลาดลูกทุ่งชาวบ้านต่างจังหวัดที่เป็นกลุ่มใหญ่
โดยสินค้ากลุ่มแรกที่ทำคือ สกินแคร์ แบรนด์ ออร่า-ทัย (AURA-THAI) ที่มาจากการเล่นคำชื่อของศิลปิน มี 3 เอสเคยู คือ เซรั่มสูตรเข้มข้น ราคา 550 บาท, เดย์ครีม ราคา 350 บาท และ แผ่นมาส์กหน้า ราคา 39 บาท และปีหน้าจะออกสินค้าใหม่อีก 3 เอสเคยู
จากฐานข้อมูลที่เรามีระบุว่า แฟนคลับของ ต่าย-อรทัย จะสนใจในสิ่งที่ทำมาก ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตก็ขายตั๋วหมดในเวลาอันสั้น สินค้าเมอร์ชันไดส์ก็สนใจซื้อระดับการจ่ายอยู่ที่ 100 – 1,000 บาท และสูงสุดที่ 4,000 บาท หรือการติดตามโพสต์จำนวนมากอย่างรวดเร็ว
ระดับราคาที่แฟนคลับเหล่านี้เคยจ่ายให้กับสกินแคร์ยี่ห้ออื่นที่ใช้อยู่คือ เซรั่มเฉลี่ย 500-900 บาท, เดย์ครีม เฉลี่ย 300 – 480 บาท และ มาส์กหน้า เฉลี่ย 70-80 บาท ซึ่งราคาของเราอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าด้วย
ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเริ่มกับศิลปินอีก 2 คน อาจจะเป็นสินค้ากลุ่มเอฟเอ็มซีจี และอื่นๆ ที่เจาะตลาดแมสเช่นเดียวกัน
“จีเอ็มเอ็ม มีฐานข้อมูลและแฟนคลับจำนวนมากจากตัวศิลปินที่เรามีอยู่มากมายแต่ละคนก็ระดับเกินล้านรายทั้งสิ้น เราทำขึ้นมาไม่ต้องไปแข่งขันหาลูกค้ากับแบรนด์อื่น แค่ขายกับแฟนคลับก็มากแล้ว เหมือนกับเรานั่งตกปลาในบ่อของเราเอง ไม่ได้ไปแย่งกับใครเลย แม้สินค้าจะเป็นเหมือนเรดโอเชียนคือมีมากมายงแข่งขันรุนแรง ที่สำคัญเรามีอินฟราสตรัคเจอร์ที่สมบูรณ์ทั้ง การผลิต(จ้างโรงงานที่มีคุณภาพ) ช่องทางการขาย การตลาด กลุ่มเป้าหมาย และสื่อต่างๆในมือที่จะโปรโมท แบบครบวงจร ดังนั้น โอกาสยังมีมาก” นายภาวิต กล่าว