กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศหารือกรมเอเชียของจีน หารือยกระดับการค้า 2 ฝ่ายเพิ่มเป็น 140,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 64 พร้อมเดินหน้าเชื่อมโยงการลงทุน ชวนนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนใน EEC สบช่องขอจีนเร่งซื้อข้าวไทยให้ครบตามสัญญา 1 ล้านตัน และขอบคุณที่ซื้อผลไม้ไทย เผยยังจะร่วมมือกันอำนวยความสะดวกการค้า จัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ด้านจีนชวนไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่จะจัด 2 งานเดือน พ.ย.นี้
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2563 ที่ผ่านมาได้หารือกับ นายเผิง กัง อธิบดีกรมเอเชีย กระทรวงพาณิชย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านระบบทางไกล เรื่องการขยายการค้าระหว่างกันที่ 140,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2564 ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ รวมถึงการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative : BRI) และเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Guangdong - Hong Kong - Macao Greater Bay Area : GBA) ของจีน กับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ของไทย โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน กับ EEC ซึ่งถือเป็นตัวอย่างความร่วมมือที่ดีระหว่างไทย-จีน-ญี่ปุ่น และยังได้ใช้โอกาสนี้ชวนนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนใน EEC และนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ที่ปัจจุบันมีนักลงทุนจีนเข้ามาดำเนินธุรกิจเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ไทยยังได้ขอให้ฝ่ายจีนเร่งรัดการดำเนินการภายใต้ MOU ว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทย-จีน โดยเฉพาะการซื้อข้าวภายใต้สัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (GtoG) ให้ครบ 1 ล้านตัน เนื่องจากเป็นเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งขอบคุณจีนที่นำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย โดยเฉพาะผลไม้ที่นำเข้าจากไทยเป็นอันดับหนึ่ง โดยในช่วงโควิด-19 เมื่อเดือนเม.ย. 2563 จีนได้เปิดด่านนำเข้าผลไม้จากไทยที่ด่านตงซิง เมืองฝ่างเฉิงก่าง และด่านรถไฟผิงเสียงในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงเพิ่มเติม จากด่านบ่อหานในมณฑลยูนนาน และด่านโหย่วอี้กวาน ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ซึ่งไทยยังขอให้จีนพิจารณาเปิดด่านท่าเรือกวนเหล่ยในมณฑลยูนนาน และด่านหลงปัง ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง เพื่อเพิ่มช่องทางในการส่งออกผลไม้ไทยไปจีนด้วย ซึ่งฝ่ายจีนขอตรวจสอบเรื่องความพร้อมของด่านก่อน
ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันส่งเสริมความร่วมมือทุกด้านเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เช่น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เศรษฐกิจดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ทั้งผ่านช่องทางออนไลน์และช่องทางปกติ โดยจีนได้เชิญชวนให้ไทยนำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน (China International Import Expo : CIIE) ครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-10 พ.ย. 2563 ณ นครเซี่ยงไฮ้ และงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน (China-ASEAN Expo : CAEXPO) ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 27-30 พ.ย. 2563 ณ นครหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน
ปัจจุบันจีนเป็นตลาดนำเข้าอันดับ 1 และเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทย โดยในปี 2562 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 79,440 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงครึ่งปี 2563 (ม.ค.-มิ.ย.) การค้าระหว่างไทยกับจีนมีมูลค่า 38,492 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.8% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลดีจากการใช้ประโยชน์ของความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เม็ดพลาสติก เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น และไทยนำเข้าสินค้าสำคัญจากจีน เช่น เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เป็นต้น