ผู้จัดการรายวัน 360 - “เจดีอี ทีเอช (JDE TH)” ประกาศวิชัน 2563-2564 ผลักดันแบรนด์ซุปเปอร์กาแฟ ให้เป็นแชมป์ Top of Mind ชูจุดแข็งพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) กลุ่มกาแฟสำเร็จรูปที่หลากหลาย อัดงบกว่า 500 ล้านบาท ปูพรมทำตลาด ดึง “เวียร์” ศุกลวัฒน์ คณารศ นั่งแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ซุปเปอร์กาแฟ เปิดแคมเปญใหม่ “ซุปเปอร์กาแฟ เคียงคู่สู้กับคุณทุกวัน”
นายพิศาล ธาราพัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยาคอบส์ ดาวเออร์ เอ็กเบิร์กส์ ทีเอช จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันกาแฟยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้น เนื่องจากช่วยทำให้กระปรี้กระเปร่ายามเช้า ช่วยดับกระหายได้ แต่หากพิจารณาอัตราการบริโภคกาแฟของคนไทยเฉลี่ย 300 แก้วต่อคนต่อปี เมื่อเทียบกับประเทศในแถบยุโรปเฉลี่ย 600 แก้วต่อคนต่อปี ญี่ปุ่น 400 แก้วต่อคนต่อปี หรือฟินแลนด์ที่มีการบริโภคกาแฟเฉลี่ย 1,000 แก้วต่อคนต่อปี จากความแตกต่างดังกล่าว ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสในการสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจกาแฟของบริษัทมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ กำหนดวิสัยทัศน์ปี 2563-2564 ผลักดันผลิตภัณฑ์กาแฟทุกแบรนด์ของเจดีอี ทีเอช ได้แก่ แบรนด์มอคโคน่า (Moccona), ซุปเปอร์กาแฟ (Super Coffee), เอสเซนโซ่ (Essenso) และ ลอร์ (L’OR) เพื่อตอบสนองความต้องการ และเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง (Mass) ทั้งกลุ่มคนเมืองและต่างจังหวัดให้มากขึ้น
จากข้อมูลปี 2562 ภาพรวมตลาดกาแฟสำเร็จรูปในประเทศไทยมีมูลค่าตลาดประมาณ 21,272 ล้านบาท เติบโต 1.5% จากปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์กาแฟปรุงสำเร็จ 3 อิน 1 (3-in-1) ครองสัดส่วนตลาดมากถึง 76% ทั้งนี้ บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดจากแบรนด์มอคโคน่า และแบรนด์ซุปเปอร์กาแฟอยู่ที่ 21%
นายพิศาลกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกลยุทธ์ที่จะนำมาขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ประกอบด้วย การปรับโครงสร้างพอร์ตโฟลิโอสินค้าให้มีความแข็งแรง และมีความหลากหลาย ตอบสนองผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขวางมากขึ้น หลังจาก 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินการควบรวมกิจการกับ SUPER GROUP LTD ประเทศสิงคโปร์ ส่งผลให้บริษัท ยาคอบส์ ดาวเออร์ เอ็กเบิร์กส์ ทีเอช จำกัด หรือ “เจดีอี ทีเอช” กลายเป็นผู้จัดจำหน่ายแบรนด์ซุปเปอร์กาแฟอย่างเป็นทางการผู้เดียวในประเทศไทย
ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของแบรนด์ซุปเปอร์กาแฟ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ซุปเปอร์กาแฟปรุงสำเร็จรูป 3 อิน 1 ทั้ง 3 รสชาติ ได้แก่ สูตรออริจินัล รสกลมกล่อม, สูตรคอฟฟี่ริช รสเข้มข้น และสูตรโลว์ชูการ์ น้ำตาลน้อย, ผลิตภัณฑ์ซุปเปอร์กาแฟพร้อมดื่มทั้ง 2 รสชาติ ได้แก่สูตรออริจินัล รสเข้ม สะใจ และสูตรโกลด์ โรสต์ หอม กลมกล่อมและเครื่องดื่มธัญญาหารซีเรียลตราซุปเปอร์ นอกจากนี้ เมื่อเสริมกับพอร์ตโฟลิโอสินค้าของเจดีอี ทีเอช ได้แก่ กาแฟสำเร็จรูปแบรนด์มอคโคน่า, กาแฟสำเร็จรูปแบรนด์เอสเซนโซ่ และกาแฟสำเร็จรูปแบรนด์ ลอร์ จะสร้างความแข็งแกร่งด้านผลิตภัณฑ์ยิ่งขึ้น
“ภายในปี 2563-2564 วิสัยทัศน์ และพันธกิจของเจดีอี ทีเอช คือมีเป้าหมายทำให้ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ซุปเปอร์กาแฟ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในระดับแมสทั่วประเทศ และครองใจผู้บริโภคอันดับหนึ่ง (Top of Mind) โดยผลิตภัณฑ์ซุปเปอร์กาแฟเน้นชูจุดเด่นของรสชาติกาแฟแท้ในแบบฉบับของแบรนด์ และเดินหน้าทำกิจกรรมการตลาด สร้างการรับรู้ การเข้าถึงผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง อีกจุดแข็งของบริษัทในเครือของเราเป็นผู้ผลิตกาแฟและชาชั้นนำจากยุโรปยาวนานกว่า 200 ปี มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง นวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัย รวมถึงการสื่อสารการตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครบวงจร เพื่อเสิร์ฟสินค้าตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
นางสาวปนัดดา ตุงคสวัสดิ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ยาคอบส์ ดาวเออร์ เอ็กเบิร์กส์ ทีเอช จำกัด กล่าวถึงแผนการทำตลาดของผลิตภัณฑ์ซุปเปอร์กาแฟว่า “แบรนด์ซุปเปอร์กาแฟได้ส่งแคมเปญ “ซุปเปอร์กาแฟ เคียงคู่สู้กับคุณทุกวัน” สื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสะท้อนคาแร็กเตอร์แบรนด์ให้เป็นเสมือนพลังขับเคลื่อนจากภายในที่ช่วยให้นักสู้ชีวิตทุกคน (Everyday Fighter) ในการเอาชนะวันที่ยากลำบากไปได้อย่างราบรื่นในทุก ๆ วัน พร้อมกันนี้ได้ดึงพระเอกหนุ่มขวัญใจมหาชนทั่วประเทศ “เวียร์” ศุกลวัฒน์ คณารศ ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ด้วย “เวียร์” ถือเป็นซูเปอร์สตาร์ชายของเมืองไทยที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักในวงกว้าง มีภาพลักษณ์ที่มีความจริงใจ เข้าถึงง่าย ที่สำคัญมีฐานแฟนคลับทั่วประเทศ จึงเหมาะที่จะเป็นตัวแทนของแบรนด์ซุปเปอร์กาแฟเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างได้เป็นอย่างดี
สำหรับปีที่ผ่านมา แบรนด์ซุปเปอร์กาแฟ และเครื่องดื่มธัญญาหารซีเรียลตราซุปเปอร์ สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 400 ล้านแก้ว ส่วนการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคคนเมืองและต่างจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญคือภาคใต้ ที่แบรนด์ซุปเปอร์กาแฟมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งมาเป็นระยะเวลาหลายปีติดต่อกัน โดยการทำตลาดในครั้งนี้บริษัทต้องการขยายพื้นที่ไปยังภูมิภาคอื่นๆ เพื่อสร้างฐานตลาดให้แข็งแรงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปี 2563 บริษัทฯ มุ่งทำตลาดผลิตภัณฑ์ทุกแบรนด์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเตรียมงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท เพื่อสื่อสารการตลาดผ่านสื่อแบบครบวงจร 360 องศา ทั้งสื่อออนไลน์ และสื่อออฟไลน์ให้เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้บริโภคในการบริโภคกาแฟสำเร็จรูป ทั้งแบรนด์ซุปเปอร์กาแฟ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ซุปเปอร์กาแฟปรุงสำเร็จรูป 3 อิน 1, ผลิตภัณฑ์ซุปเปอร์กาแฟพร้อมดื่มและเครื่องดื่มธัญญาหารซีเรียลตราซุปเปอร์ เพื่อให้ก้าวขึ้นเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค
นางสาวปนัดดากล่าวเสริมว่า ในช่วงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระบาด ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป มีการบริโภคกาแฟในบ้านมากขึ้น ด้วยวิถีชีวิตแบบ New Normal จึงถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดกาแฟสำเร็จรูปที่สามารถเติบโตได้ดี และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเจดีอี ทีเอช ในการเจาะกลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจากแหล่งวัตถุดิบที่ดีและนวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัย