“ศักดิ์สยาม” มั่นใจมีช่องทางต่อสู้คดี “โฮปเวลล์” หากมีข้อเท็จจริงอื่นยื่นคำร้องได้ใน 90 วัน พร้อมเดินหน้า สู้แพ่ง ประเด็นจดทะเบียนไม่ถูกต้อง สัญญาโมฆะ ขณะที่ยื่นดีเอสไอ และ ป.ป.ช.สอบทุจริต ลั่นต้องทำทุกวิธีเพื่อรักษาประโยชน์ประเทศ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 22 ก.ค. โดยมีคำสั่งไม่รับคำร้องของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ขอให้พิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่ ว่า ขณะนี้ รฟท.ยังไม่รายงานมาที่กระทรวงคมนาคมอย่างเป็นทางการ ซึ่งจากที่ได้หารือกับฝ่ายกฎหมายเพื่อศึกษาเพื่อหาวิธีการที่จะสามารถดำเนินการได้อีกหรือไม่ โดยพบว่ายังมีกระบวนการที่จะดำเนินการได้ภายในเวลาไม่เกิน 90 วัน
ทั้งนี้ ประเด็นตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยถือว่าถึงที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม หากมีข้อเท็จจริงอื่นที่อาจร้องขอ พิจารณาคดีใหม่ได้ตามมาตรา 75 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ฝ่ายรัฐอาจยื่นคำร้องต่อศาลปกครองชั้นต้นได้ โดยต้องกระทำภายใน 90 วันนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุนั้น แต่ต้องไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันที่อ่านคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ฝ่ายรัฐจะถือปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลโดยเคร่งครัด ในขณะเดียวกันก็จะแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งได้มีข้อมูลใหม่ในเรื่องความไม่สมบูรณ์ของการจดทะเบียนบริษัทโฮปเวลล์ ซึ่ง รฟท.ได้ให้ทนายความยื่นดำเนินการทางแพ่ง ซึ่งหากการจดทะเบียนไม่สมบูรณ์จะทำให้การทำนิติกรรมสัญญาอาจไม่ชอบ
“เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่าก่อนที่ผมจะมารับตำแหน่ง เมื่อได้มีข้อมูลใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในสำนวนเดิมก็ไปดำเนินการ
จึงขอเวลาให้ฝ่ายกฎหมายได้ทำหน้าที่ก่อน ซึ่งมีการชะลอการบังคับคดีอยู่ ทำให้การจ่ายเงินยังชะลออยู่ ผมยืนยันว่าเราจะทำให้ครบทุกช่องทาง เพราะเรื่องนี้มีค่าชดเชยเป็นเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท หากทำไป ครบถ้วนหมดแล้วคำวินิจฉัยออกมาเป็นอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น” นายศักดิ์สยามกล่าว
สำหรับคดีทางอาญาจะดำเนินการด้วย โดยส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามขั้นตอน ตอนนี้ถือว่าเรายังมีเวลาและตนจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และประชาชน