เอ็กโก กรุ๊ป ฉลุยเตรียมรุกธุรกิจใหม่ “นิคมอุตสาหกรรม เอ็กโก ระยอง” หวังสร้างเติบโตในอนาคต พร้อมเร่งแผนก่อสร้าง 4 โรงไฟฟ้าในมือ หลังคลายล็อกดาวน์ มั่นใจ “ซีโอดี” ตามแผนปี 63-65 คาดโควิด-19 ฉุดยอดขายไฟเล็กน้อย
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ได้อนุมัติเพิ่มวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ ดำเนินการจัดตั้งและดำเนินการกิจการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตอีอีซี เพื่อบริการแก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมทุกประเภท ตลอดจนให้บริการสาธารณูปโภค เช่น การประปา การบำบัดน้ำเสีย ไฟฟ้า เครื่องทำความเย็น กำจัดขยะ ของเสีย ในการขจัดมลภาวะ เป็นต้น เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจนับเป็นธุรกิจใหม่เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคตนอกเหนือจากธุรกิจไฟฟ้าที่เป็นธุรกิจหลักที่ดำเนินการอยู่
โดยบริษัทฯ มองโอกาสการทำนิคมฯเพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่เดิมโรงไฟฟ้าระยอง 500 ไร่ ที่สิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไปแล้ว เพื่อพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมในลักษณะ Smart Industrial Estate รองรับการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
ก่อนหน้านี้ เอ็กโก กรุ๊ป คาดว่าจะได้รับอนุมัติ EIA ในช่วงกลางปี 2563 หลังจากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนการรื้อถอนโรงไฟฟ้าในพื้นที่ปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็จะหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญมาเข้าร่วมลงทุนด้วย โดยคาดว่าจะได้เริ่มพัฒนาพื้นที่ในอีก 2 ปีหลังจากนั้น
ในการทำนิคมฯ ในพื้นที่อีอีซี โดยจะมีการทำระบบไฟฟ้าที่เป็นอิสระ โดยให้บริษัทฯ เข้าไปร่วมกับกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม หรือให้คำแนะนำพลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์ เพื่อให้ในโรงงานอุตสาหกรรมได้ ซึ่งบริษัทก็พร้อมที่จะดำเนินการเพราะธุรกิจพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานทดแทน ซึ่งนิคมฯได้รับสิทธิประโยชน์ก็อยากดำเนินการในส่วนนี้
นายเทพรัตน์กล่าวว่า ส่วนผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา พบว่างานก่อสร้างบางโครงการฯ ก็ได้รับผลกระทบบ้างเนื่องจากแรงงานบางส่วนไม่สามารถเข้ามาดำเนินงานในพื้นที่ได้ตามแผน ขณะที่การจัดส่งวัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ ก็มีล่าช้าออกไปบ้าง ซึ่งหลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว ทางบริษัทฯ ก็ได้ปรับแผนการดำเนินงานต่างๆ เพื่อให้โครงการฯ สามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ตามแผน ดังนั้น ขณะนี้ยังมั่นใจว่าโครงการฯต่างๆ จะยังเป็นไปตามแผน
ด้านผลกระทบจากโควิด-19 ต่อธุรกิจผลิตไฟฟ้าในต่างประเทศนั้น พบว่าได้รับผลกระทบจากการซื้อขายไฟฟ้าเล็กน้อย แม้ว่าการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จะทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง แต่โรงไฟฟ้าส่วนใหญ่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระยะยาวอยู่แล้ว และมีต้นทุนการผลิตต่ำทำให้ได้สิทธิในการเดินเครื่องก่อน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังดำเนินงานต่อเนื่องตามแผน และจะทบทวนปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 4 โครงการ คือ โครงการ “น้ำเทิน 1” ในลาวกำหนดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ไตรมาส 2 ปี 2565, โครงการ “กังดง” ในเกาหลี กำหนด COD ไตรมาส 4 ปี2563 ,โครงการพลังงานลม “หยุนหลิน” ในไต้หวัน และการเข้าถือหุ้นสัดส่วน 44.6% ในบริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) เพื่อดำเนินโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กำหนด COD ไตรมาส 4 ปี2564