“วีรศักดิ์” ลุยตรวจสอบแหล่งผลิต “น้อยหน่าปากช่อง” ก่อนผลักดันขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) รายการใหม่ หวังช่วยเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เผยเล็งดัน “ทุเรียนปากช่อง” ให้ขึ้นทะเบียนด้วย พร้อมมอบตรา GI ให้ “มะขามเทศเพชรโนนไทย” อย่างเป็นทางการ
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่พร้อมด้วย นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา และคณะ เยี่ยมชมแหล่งเพาะปลูกและแหล่งผลิต “น้อยหน่าปากช่อง” ณ สวนน้อยหน่าเพชรปากช่อง บ้านหนองตาแก้ว ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อหารือถึงแนวทางการส่งเสริมและผลักดันให้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพราะเป็นผลไม้ที่มีโอกาสได้รับการขึ้นทะเบียน GI จากการเป็นของดี ของเด่นของชุมชน และมีอัตลักษณ์โดดเด่นกว่าน้อยหน่าจากที่อื่น โดยหากได้รับการขึ้นทะเบียน GI แล้วคาดว่าจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากน้อยหน่าปากช่องแล้ว กรมทรัพย์สินทางปัญญายังได้ร่วมหารือเบื้องต้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ถึงความเป็นไปได้ในการส่งเสริมสินค้าใหม่ๆ เช่น ทุเรียนปากช่อง เพื่อผลักดันให้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI ในอนาคตด้วย
สำหรับน้อยหน่าปากช่องปลูกมากในพื้นที่อำเภอปากช่อง ซึ่งมีสภาพดินแดง เป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมต่อการปลูกน้อยหน่ามากที่สุด มีฤดูกาลผลิตในช่วง พ.ค.-ธ.ค.ของทุกปี แบ่งออกเป็น 3 สายพันธุ์ คือ 1. สายพันธุ์น้อยหน่าฝ้าย มีลักษณะตาแคบ ร่องตาลึก รสหวาน เนื้อสีขาวละเอียดครีม กลิ่นหอม 2. สายพันธุ์น้อยหน่าหนัง มีลักษณะตากว้าง ร่องตาตื้น เนื้อสีขาวละเอียดเหนียว เปลือกร่อนได้ง่าย 3. สายพันธุ์น้อยหน่าลูกผสม มีลักษณะผลใหญ่ รูปหัวใจ ผิวค่อนข้างเรียบ ร่องตาตื้น เปลือกบางลอกจากเนื้อได้ง่าย เนื้อเหนียว กลิ่นหอม รสชาติหวาน
นายวีรศักดิ์กล่าวว่า ได้เดินทางไปยังศาลาประชาคมบ้านดอนสระจันทร์ ตำบลถนนโพธิ์ อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อมอบหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียน GI สำหรับมะขามเทศเพชรโนนไทยของจังหวัดนครราชสีมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ไปเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2563 โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นผู้รับมอบหนังสือรับรอง ทำให้ปัจจุบันจังหวัดนครราชสีมามีสินค้า GI ที่ขึ้นทะเบียนมากที่สุดในประเทศไทยเทียบเท่าจังหวัดเชียงรายถึง 6 รายการ
ทั้งนี้ เพื่อช่วยส่งเสริมช่องทางการตลาดให้กับสินค้า GI ทั้งการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายภายในประเทศ ได้มอบหมายให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาดำเนินการประชาสัมพันธ์ และกระตุ้นการบริโภคสินค้า GI แล้ว เพราะสินค้า GI เป็นสินค้าท้องถิ่นที่มีคุณภาพ เป็นของดี ของหายาก ส่วนในตลาดต่างประเทศก็ให้เร่งส่งเสริมเช่นเดียวกัน และต้องทำควบคู่กับการผลักดันการจดทะเบียนคุ้มครอง GI ในต่างประเทศ