กรมการค้าต่างประเทศเผยการค้าชายแดนและผ่านแดน 4 เดือนปี 63 มีมูลค่า 415,241 ล้านบาท ลดลง 9.45% เหตุได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ทำให้มีการปิดด่าน และเพื่อนบ้านต้องการสินค้าลดลง
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถิติการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย ในช่วง 4 เดือนของปี 2563 (ม.ค.–เม.ย.) มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 415,241 ล้านบาท ลดลง 9.45% แยกเป็นการส่งออกมูลค่า 239,495 ล้านบาท ลดลง 9.68% และการนำเข้ามูลค่า 175,746 ล้านบาท ลดลง 9.13% โดยเกินดุลการค้า 63,749 ล้านบาท เพราะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การค้าชายแดนและผ่านแดนลดลง เนื่องจากมีการประกาศปิดจุดผ่านแดนถาวรของไทยจากเดิมทั่วประเทศจำนวน 42 จุด เหลือเพียง 26 จุด และยังมีความต้องการสินค้าและปัจจัยการผลิตของประเทศเพื่อนบ้านลดลง
สำหรับการค้าชายแดน 4 ประเทศ ในช่วง 4 เดือน พบว่า มาเลเซียเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง มีมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 70,022 ล้านบาท ลดลง 32.35% รองลงมา คือ เมียนมา มูลค่า 60,194 ล้านบาท ลดลง 7.08% กัมพูชา มูลค่า 59,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.06% และสปป.ลาว มูลค่า 62,745 ล้านบาท ลดลง 2.63%
โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยไปมาเลเซีย ได้แก่ ยางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์ และสินค้าอุตสาหกรรม เมียนมา ได้แก่ สินค้าน้ำมันดีเซล เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และผ้าผืนและด้าย สปป.ลาว ได้แก่ น้ำมันดีเซล สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ สินค้าแร่และเชื้อเพลิงอื่นๆ และกัมพูชา ได้แก่ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ สินค้าปศุสัตว์ และรถยนต์ อุปกรณ์ เป็นต้น
ส่วนการค้าผ่านแดน 3 ประเทศ พบว่า จีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง มีมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 66,322 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.18% รองลงมา คือ สิงคโปร์ มูลค่า 26,874 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.05% และเวียดนาม มูลค่า 18,259 ล้านบาท ลดลง 32.72%
นายกีรติกล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้าชายแดนของไทยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้มีการเจรจากับประเทศมาเลเซีย เพื่อผลักดันให้เปิดด่านปาดังเบซาร์ จ.สงขลา จนฝ่ายมาเลเซียได้อนุญาตให้ไทยส่งออกสินค้าจากเดิมที่ให้เฉพาะสินค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์ยางพาราเท่านั้น เป็นสามารถส่งออกได้ทุกประเภท ผ่านระบบรางต่อรางและรถต่อราง ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค.2563 เป็นต้นไป ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทย และช่วยลดความแออัดของรถบรรทุกบริเวณหน้าด่านสะเดา จ.สงขลา
นอกจากนี้ ยังได้ขอเปิดด่านบ้านประกอบ จ.สงขลา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศมาเลเซีย (MITI) และได้ร่วมผลักดันพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามเข้าสู่สาธารณประชาชนจีนสำเร็จ ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.2563 ทำให้มีการนำเข้า-ส่งออกผลไม้สดของไทยไปจีนตอนใต้สะดวกมากขึ้น