กรมการค้าต่างประเทศเผยการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form D แบบอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการส่งออกไปประเทศสมาชิกอาเซียนเพิ่มมากขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังรัฐเคร่งนโยบายเว้นระยะห่าง ทำให้มีการใช้ช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เตรียมผลักดันผู้ประกอบการใช้ต่อเนื่อง
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การขอใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form D แบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Form D) เพิ่มมากขึ้น โดยในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. 2563 ซึ่งเป็นช่วงการแพร่ระบาด ผู้ประกอบการที่ส่งออกสินค้าไปยังตลาดอาเซียนได้ขอรับบริการ e-Form D จากกรมฯ เพิ่มขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 2563 ที่ยังไม่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคในภูมิภาคอาเซียน
สำหรับ e-Form D เป็นการให้บริการที่สอดคล้องกับนโยบายเว้นระยะห่าง (Social Distancing) โดยกรมฯ ได้ปรับการทำงานให้เจ้าหน้าที่สามารถอนุมัติงานผ่านระบบด้วยการ Work from Home แบบวันต่อวันได้ ผู้ประกอบการไม่ต้องเดินทางมาขอรับเอกสารที่กรมฯ เนื่องจากข้อมูล e-Form D จะถูกส่งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังศุลกากรปลายทางทันที (Real Time) โดยผู้นำเข้าไม่ต้องนำ Form D แบบกระดาษไปยื่นประกอบการผ่านพิธีการอีก
ทั้งนี้ e-Form D เป็นหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ที่ผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอหนังสือรับรองฯ ผ่านระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าของกรมฯ และเมื่อคำขอได้รับการอนุมัติแล้ว กรมฯ จะส่งข้อมูล e-Form D ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังศุลกากรประเทศปลายทางทันที ซึ่งกรมฯ ได้ให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า e-Form D อย่างเต็มรูปแบบ (Live Operation) แก่สมาชิกอาเซียนตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา
“แม้ในปัจจุบันการระบาดของโควิด-19 จะมีแนวโน้มลดลง แต่กรมฯ ยังคงตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้รับบริการด้วยการเดินหน้ายกระดับการให้บริการด้วยนวัตกรรมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยการผลักดันให้ผู้ประกอบการหันมาใช้ e-Form D มากขึ้น เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการนำเข้า-ส่งออก” นายกีรติกล่าว