xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออกทุเรียน 4 เดือนยังสดใสแม้มีวิกฤตโควิด-19 เฉพาะจีนได้เอฟทีเอหนุนยอดพุ่งแรง 78%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผยส่งออกทุเรียน 4 เดือนเพิ่ม 30% ถือว่ายังสดใสแม้จะเกิดวิกฤตโควิด-19 เฉพาะตลาดจีนโต 78% ได้เอฟทีเอช่วยหนุนหลังจีนไม่เก็บภาษีนำเข้า แนะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด พร้อมเพิ่มการแปรรูป เพิ่มโอกาสเจาะตลาดอาหารแห้งที่เก็บได้นาน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ติดตามสถิติการส่งออกทุเรียนสดของไทยในช่วง 4 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-เม.ย.) พบว่ามีการขยายตัวอย่างน่าพอใจ มีมูลค่า 788 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 30% โดยเฉพาะตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย มีสัดส่วน 72% ของการส่งออกทั้งหมด ยังมีการบริโภคสูง แม้จะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการส่งออกในช่วงดังกล่าวมีมูลค่า 567 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 78% รองลงมาเป็นการส่งออกไปฮ่องกง อาเซียน ไต้หวัน และสหรัฐฯ โดยไทยยังเป็นแชมป์ผู้ส่งออกทุเรียนอันดับที่ 1 ของโลก นำหน้าฮ่องกง และมาเลเซียหลายเท่าตัว

สำหรับปัจจัยที่ช่วยให้การส่งออกทุเรียนของไทยเติบโต ส่วนหนึ่งมาจากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่ช่วยขจัดอุปสรรคภาษีนำเข้าในประเทศคู่ค้า ทำให้ทุเรียนไทยมีโอกาสส่งออกและแข่งขันได้มากขึ้น โดยปัจจุบันทุเรียนไทยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 16 ประเทศคู่เอฟทีเอ ได้แก่ จีน ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย สปป.ลาว กัมพูชา พม่า ฟิลิปปินส์ บรูไน อินเดีย ชิลี และเปรู เหลือเพียง 2 ประเทศ คือ มาเลเซีย และเกาหลีใต้ ที่ยังเก็บภาษีนำเข้าทุเรียนจากไทยอยู่

ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบการส่งออกทุเรียนของไทยไปยังตลาดจีน โดยดูตัวเลขปี 2562 ที่ผ่านมาที่ส่งออกได้มูลค่า 850 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับปี 2545 ซึ่งเป็นปีก่อนที่จีนจะยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าทุเรียนจากไทย ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ที่มีมูลค่าส่งออกเพียง 3 หมื่นเหรียญสหรัฐ การส่งออกเพิ่มขึ้นถึง 2,832,366% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเอฟทีเอได้มีส่วนช่วยในการส่งออกได้เพิ่มขึ้นจริง

“แม้ในภาพรวมการส่งออกทุเรียนสดไทยจะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 แต่ผู้ประกอบการควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อรองรับผลกระทบในด้านอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น การขนส่งสินค้า การขาดแคลนแรงงาน และความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค และต้องพิจารณาเพิ่มผลิตภัณฑ์เป็นทุเรียนแปรรูป เช่น ทุเรียนทอด และทุเรียนอบแห้ง เป็นต้น เพื่อตอบโจทย์กระแสความนิยมอาหารแห้งที่เก็บรักษาได้นาน” นางอรมนกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น