กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ เร่งเดินหน้าจัดมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 และภัยแล้งทั้งการพักชำระหนี้ที่ล่าสุดช่วยไปแล้ว 2,834 ราย และพร้อมอัดวงเงินรวม 1,700 ล้านบาท แก่ลูกหนี้กองทุนฯ กว่า 10,000 ราย เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน หวังกระตุ้นการจ้างงานรับ NEW NORMAL เปิดให้ยื่นตั้งแต่ 25 พ.ค. - 31 ก.ค.นี้
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ (กอป.) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ทำการสำรวจความเดือดร้อนและความต้องการของเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) และสถานการณ์ภัยแล้งนั้น พบว่าเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ต้องการให้ช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินโดยเฉพาะการพักชำระหนี้ และการเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ กองทุนฯ จึงได้ได้ประกาศพักชำระหนี้แก่ลูกหนี้กองทุนสูงสุด 12 เดือน ตามความสมัครใจ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 ที่ผ่านมา ถือเป็นการชะลอหรือลดโอกาสในการเกิดหนี้เสีย (NPL) ขณะนี้มีลูกหนี้ได้รับอนุมัติแล้วจำนวน 2,834 ราย คิดเป็นวงเงิน 5,300 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ยังมีกลุ่มลูกหนี้กองทุนอีกจำนวนมากที่ยังได้รับความเดือดร้อนจากโรคระบาด และภัยแล้ง ประสงค์จะขอสินเชื่อเพื่อการเสริมสภาพคล่อง และคงการจ้างงานต่อเนื่อง ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ จึงได้มีมติเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2563 เห็นชอบให้กองทุนปล่อยสินเชื่อในลักษณะที่เป็นเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) วงเงินรวม 1,700 ล้านบาท แก่ลูกหนี้กองทุนจำนวนกว่า 10,000 ราย ที่ต้องการใช้เงินหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ รวมถึงการจ้างงานบุคลากรของสถานประกอบการ โดยวงเงินสินเชื่อสูงสุดต่อรายจะอยู่ที่ 1,000,000 บาท ดอกเบี้ย 1% ระยะเวลา 5 ปี
คุณสมบัติเบื้องต้นของลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการต้องมีสถานะไม่เป็น NPL และมีประวัติการผ่อนชำระหนี้ปกติในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ลูกหนี้ที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อทุนหมุนเวียนดังกล่าว ต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาหรือเสริมศักยภาพในด้านต่างๆ ตามที่กองทุนฯ กำหนด อาทิ ด้านแผนบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ ด้านการตลาด และบริหารการเงิน การบัญชี อย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการประกันว่ากิจการจะสามารถฟื้นตัวและดำเนินธุรกิจได้อย่างเข้มแข็งต่อไป
สำหรับสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนแบบใหม่เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม จนถึง 31 กรกฎาคม 2563 สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ที่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) ในทุกสาขาของประเทศ หรือติดต่อสายด่วนที่ 1357 หรือโทร. 0-2265-3000 ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2563 และสำหรับลูกหนี้กองทุนฯ ที่ต้องการพักชำระหนี้เงินต้นแต่ยังไม่ได้แจ้งความประสงค์ขอพักชำระหนี้ ขอให้รีบติดต่อ SME D Bank ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ก่อนที่จะปิดรับคำขอ