คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ (กอป.) มีมติอนุมัติมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท 5.6 พันรายที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และภัยแล้งยืดชำระหนี้ได้สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน เริ่ม 10 เมษายน จนถึง 30 มิถุนายน 2563
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานบอร์ดบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของไวรัสโครานา 2019 หรือโควิด-19 และสถานการณ์ภัยแล้ง ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง โดยเฉพาะการดำเนินธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีฯ ได้ดำเนินการปล่อยสินเชื่อ วงเงิน 20,000 ล้านบาทในการช่วยเอสเอ็มอี ที่ผ่านมานั้นพบว่ามีธุรกิจที่ได้รับการระบาดจากโควิด-19 หรือภัยแล้ง จำนวนกว่า 5,600 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจเกษตรแปรรูป บริการ ค้าปลีก และท่องเที่ยว คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ จึงได้อนุมัติมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับสินเชื่อกลุ่มดังกล่าว โดยให้พักชำระหนี้เงินต้นสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน
“กองทุนฯ ดังกล่าวดำเนินการโดยกระทรวงอุตสาหกรรม วงเงิน 20,000 ล้านบาท ผ่านการบริหารจากธนาคารพัฒนาวิสากิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศ (ธพว.) ปลอดเงินต้น 3 ปี ระยะเวลาผ่อนชำระ 7 ปี วงเงินกู้สูงสุดรายละไม่เกิน 10 ล้านบาท ซึ่งพบว่ามีผู้กู้กว่า 5,600 รายที่ได้รับผลกระทบสามารถยื่นขอพักชำระหนี้ได้ทุกราย ซึ่งอาจจะไปชำระครั้งเดียวในงวดสุดท้าย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้กู้และสถาบันการเงินที่จะตกลงกัน” นายกอบชัยกล่าว
ทั้งนี้ SME ที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อกองทุนฯ ที่ยังไม่ด้อยคุณภาพ (Non NPL) หรือไม่อยู่ในระหว่างที่ถูกกองทุนดำเนินคดี ก่อนวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 สามารถยื่นความประสงค์เข้าร่วมมาตรการด้วยความสมัครใจที่ธนาคารพัฒนาวิสากิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศได้ทุกสาขา ทั่วประเทศในเขตพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ได้ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน จนถึง 30 มิถุนายน 2563 โดยต้องแสดงความประสงค์การขอพักชำระหนี้เงินต้น และยืนยันผลกระทบพร้อมระบุเหตุผลที่เกิดขึ้น พร้อมกับระบุประเด็นที่ประสงค์จะขอรับการส่งเสริม เช่น ด้านการตลาด การเงิน และการผลิต เพื่อประกอบการพิจารณาและให้ความช่วยเหลือต่อไป
“มาตรการดังกล่าวนอกจากจะช่วยเหลือบรรเทาภาระการชำระหนี้ของ SME ที่เป็นลูกหนี้กองทุนแล้ว ยังเป็นการเสริมสภาพคล่อง และลดแนวโน้มการเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อีกด้วย ทั้งนี้ คณะกรรมการกองทุนจะประเมินผลการใช้มาตรการดังกล่าวใน 2 เดือนข้างหน้า” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวในที่สุด