กรมการค้าต่างประเทศเปิดรับฟังความคิดเห็นร่างประกาศห้ามนำเข้ารถจักรยานยนต์ใช้แล้ว รวมทั้งรถจักรยานไฟฟ้าใช้แล้ว และรถจักรยานใช้แล้วที่ติดตั้งมอเตอร์ช่วย แต่ไม่รวมถึงรถพ่วงข้างที่ไม่ได้ติดตั้งมาพร้อมกับตัวรถ เพื่อป้องกันปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน เปิดให้แสดงความคิดเห็นได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 15 มิ.ย. 63
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ยกร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องกำหนดให้รถจักรยานยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ... โดยห้ามนำเข้ารถจักรยานยนต์ใช้แล้ว รถจักรยานไฟฟ้าใช้แล้ว และรถจักรยานใช้แล้วที่ติดตั้งมอเตอร์ช่วย แต่ไม่รวมถึงรถพ่วงข้างที่ไม่ได้ติดตั้งมาพร้อมกับตัวรถ โดยจะเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ (www.dft.go.th) ระหว่างวันที่ 12 พฤษภาคม-15 มิถุนายน 2563
ทั้งนี้ การยกร่างประกาศดังกล่าวเป็นการทบทวนมาตรการควบคุมเพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยปรับปรุงจากประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับเดิม เรื่อง การนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ 113) ซึ่งได้บังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2539 เป็นมาตรการควบคุมการนำเข้ารถจักรยานยนต์ใช้แล้วตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภท 87.11
กรมฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 17 หน่วยงาน เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ กรมการขนส่งทางบก กรมการอุตสาหกรรมทหาร กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสถาบันยานยนต์ เป็นต้น ประชุมหารือและมีมติเห็นชอบให้รถจักรยานยนต์ใช้แล้ว รถจักรยานไฟฟ้าใช้แล้ว และรถจักรยานใช้แล้วที่ติดตั้งมอเตอร์ช่วย แต่ไม่รวมถึงรถพ่วงข้างที่ไม่ได้ติดตั้งมาพร้อมกับตัวรถ เป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้า โดยขอบเขตการควบคุมสินค้า ได้แก่ รถจักรยานยนต์ใช้แล้ว รถจักรยานไฟฟ้าใช้แล้ว และรถจักรยานใช้แล้วที่ติดตั้งมอเตอร์ช่วย ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภท 87.11 และรถจักรยานยนต์ที่ใช้แล้วที่มีอายุเกิน 100 ปีขึ้นไป (รถโบราณ) ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภท 97.06
นอกจากนี้ ในที่ประชุมฯ ยังมีมติให้รถจักรยานยนต์ใช้แล้วดังต่อไปนี้ได้รับยกเว้นไม่อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ ดังนี้ 1. รถของหน่วยงานหรือบุคคลที่ได้รับเอกสิทธิ์ 2. รถซึ่งได้รับบริจาคภายใต้แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ 3. รถนำเข้าหรือส่งออกชั่วคราว 4. รถที่เคยจดทะเบียนใช้งานในไทย แต่ไม่สามารถจดทะเบียนใช้งานในต่างประเทศได้ 5. รถต้นแบบสำหรับการวิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะ 6. รถเพื่อจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ และ 7. รถที่เป็นยุทธภัณฑ์
“เพื่อให้การออกกฎหมายดังกล่าวเป็นไปด้วยความรอบคอบ กรมฯ ขอเชิญหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งผู้สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ฉบับดังกล่าวได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2563 ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองบริหารการค้าสินค้าทั่วไป กลุ่มอุตสาหกรรม 1 โทร. 0-2547-5124 หรือสายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385” นายกีรติกล่าว