กระทรวงพาณิชย์ยื่นจดโดเมนเนม ThraceThai.com ใช้เป็นชื่อสำหรับระบบบล็อกเชนให้กับสินค้าเกษตรและอาหารของไทย พร้อมเลือก “ข้าวอินทรีย์” เป็นสินค้านำร่อง เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงรวมถึงศักยภาพในการส่งออกและตลาดเฉพาะ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ซื้อ เพิ่มโอกาสในการส่งออกและเล็งขยายไปถึงสินค้าเกษตรและอาหารอื่นๆ เพิ่มขึ้นในอนาคต
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผยว่า สนค.ได้มอบหมายให้ผู้แทนยื่นขอจดโดเมนเนม TraceThai.com เพื่อจะเป็นชื่อสำหรับระบบบล็อกเชน (Blockchain) ให้กับสินค้าเกษตรและอาหารของไทยที่ สนค.กำลังดำเนินการอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งระบบนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการช่วยให้เกษตรกรและผู้ส่งออกสินค้าเกษตรของไทยสามารถขายและส่งออกได้ในระยะเวลาที่สั้นลง อีกทั้งเป็นการอำนวยความสะดวกทางการค้าและสร้างความมั่นใจให้แก่คู่ค้าในต่างประเทศ
ทั้งนี้ ในการขับเคลื่อนบล็อกเชน สนค.ได้เลือกข้าวอินทรีย์เป็นสินค้านำร่อง เพราะเป็นสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูง มีศักยภาพในการส่งออก มีขั้นตอนการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานที่ชัดเจน การนำบล็อกเชนมาใช้จะทำให้สามารถตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานสินค้าได้อย่างเป็นระบบ ช่วยยกระดับและเพิ่มมูลค่า สร้างความเชื่อมั่นและตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อและตลาดผู้นำเข้า ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ได้ว่าเป็นข้าวอินทรีย์จริงตามที่ได้รับรองมาตรฐาน
“สนค.เห็นว่าภาคเกษตรและอาหารไทยควรมีระบบต้นแบบที่จะช่วยให้ประเทศคู่ค้าสามารถตรวจสอบย้อนกลับเส้นทางของสินค้าเกษตรอาหารจากไทยได้ ซึ่งเทคโนโลยีบล็อกเชนมีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นพื้นฐานของระบบการตรวจสอบดังกล่าว เพราะแก้ไขข้อมูลได้ยาก ระบบมีความโปร่งใส และคุ้มครองความลับทางการค้าและข้อมูลของเกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องในระบบได้พร้อมๆ กัน จึงจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าเกษตรและอาหารของไทย ตลอดจนต่อยอดไปยังเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าในอนาคตได้อีกมาก”
สำหรับระบบบล็อกเชน TraceThai.com เป็นระบบที่จะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าให้แก่เกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการต่างๆ ที่ผลิตและค้าขายส่งออกสินค้าข้าวอินทรีย์ โดยผู้ที่เข้ามาใช้ต้องได้รับใบรับรองจากหน่วยงานที่เป็นผู้ดูแลมาตรฐานอินทรีย์ (Certifying Bodies : CB) เรียบร้อยแล้ว โดยไม่ใช่ระบบที่ไปออกใบรับรองให้พื้นที่ของเกษตรกร แต่หากท่านมีใบรับรอง ระบบก็จะช่วยในการส่งต่อและกระจายข้อมูลให้แก่ผู้เกี่ยวข้องที่อยู่ในระบบให้ดำเนินการพิจารณาอนุญาตไปได้หลายๆ แห่งพร้อมกัน ไปจนถึงผู้นำเข้า ซึ่งจะช่วยย่นระยะเวลาดำเนินการต่างๆ ได้อย่างมาก
นอกจากนี้ ระบบ TraceThai.com ไม่ได้ออกแบบให้ใช้เฉพาะกับข้าวอินทรีย์เท่านั้น แต่ในอนาคตสามารถนำไปใช้กับสินค้าเกษตรและอาหารอื่นๆ ได้ หรือแม้แต่สินค้าอะไรก็ได้ที่ต้องมีการตรวจสอบย้อนกลับ ถือเป็นระบบตรวจสอบย้อนกลับแรกของไทยสำหรับสินค้าเกษตรและอาหารที่รัฐบาลช่วยตั้งขึ้น ส่วนที่เลือกทำข้าวอินทรีย์ก่อนในชั้นนี้เป็นสินค้านำร่อง เพื่อดูความยากง่ายและจุดที่อาจเป็นปัญหาในการนำข้อมูลเข้าระบบบล็อกเชน และข้าวอินทรีย์ก็เป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงอยู่แล้ว
ในส่วนของความคืบหน้าโครงการ ขณะนี้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่เป็นที่ปรึกษาโครงการ ได้ดำเนินการในระยะแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ การศึกษา รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาความเป็นไปได้และออกแบบระบบต้นแบบบล็อกเชน การตรวจสอบย้อนกลับข้าวอินทรีย์ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน โรงสี สหกรณ์ ผู้ประกอบการทั้งผู้ค้าในประเทศ และผู้ส่งออกข้าวอินทรีย์ รวมถึงหน่วยงานผู้ตรวจรับรองมาตรฐาน (Certified Body) และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กรมการข้าว กรมวิชาการเกษตร และกรมศุลกากร
อย่างไรก็ตาม ในเดือน มิ.ย. 2563 สนค.จะจัดงานสัมมนาเพื่อนำเสนอผลการศึกษาความเป็นไปได้และแนวทางการพัฒนาระบบต้นแบบ โดยตั้งเป้าว่าจะเปิดให้ทดลองใช้จริงได้ในเดือน ต.ค. 2563
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *