IRPC ปรับลดงบลงทุน 5 ปีนี้จากเดิม 5.4 หมื่นล้านบาท เหลือ 2.8 หมื่นล้านบาท หรือราว 48% โดยชะลอการลงทุนโครงการ MARS และตัดลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ชี้ไตรมาส 2 นี้ส่อแววมีผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันเล็กน้อย
นางกัญญามาส ฤทธิเดช ผู้จัดการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับลดงบลงทุน (CAPEX) 5 ปีนี้ (2563-67) ลงเหลือ 28,055 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 53,953 ล้านบาท หรือลดลง 48% ราว 25,898 ล้านบาท โดยเลื่อนการลงทุนโครงการผลิตอะโรเมติกส์ (MARS )ออกไป รวมทั้งตัดลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง โดยปีนี้งบลงทุนบริษัทได้ปรับลดลงจากเดิม 6,962 ล้านบาท เหลือเพียง 4,780 ล้านบาท ลดลง 31% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินงาน และรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าลงทุนโครงการUltra Clean Fuel (UCF) เพื่อรองรับการผลิตน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 และเพิ่มการลงทุนโครงการ Strengthen IRPC เพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 2 พันล้านบาท เพื่อประสิทธิภาพช่วยสร้างรายได้และลดต้นทุน โดยตั้งเป้าในช่วง 4 ปีนี้จะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) ประมาณ 4.6 พันล้านบาท ซึ่งในปีนี้จะมี EBITDA เข้ามา 1.9 พันล้านบาท เกิดจากการโครงการ EVEREST Forever (E4E), โครงการ IRPC4.0 รวมทั้งโครงการ Breakthrough ที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้เสนอโปรเจกต์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่องค์กรโดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในสายงาน
ส่วนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) ขนาดกำลังการผลิต 12.5 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 550 ล้านบาท เป็นการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในเขตประกอบการไออาร์พีซีช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล และเป็นการใช้เม็ดพลาสติกจากบริษัทเองในการผลิตทุ่นลอยน้ำ คาดว่าโครงการนี้จะผลิตไฟเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 2/63 และโครงการขยายกำลังการผลิตผลิตเอบีเอส เพิ่มขึ้น 6 หมื่นตัน ใช้เงินลงทุน 430 ล้านบาท คาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 3/63
จากผลกระทบโควิด-19 คาดว่าไตรมาส 2/63 บริษัทฯ อาจจะยังขาดทุนสต็อกน้ำมันบ้างเล็กน้อย เนื่องจากมีสต๊อกน้ำมันราคาสูงอยู่ แม้ว่าไตรมาสนี้ราคาน้ำมันได้ปรับสูงขึ้นแล้ว โดยไตรมาส 1/63 บริษัทมีรายได้รวม 43,617 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 20% และขาดทุนสุทธิ 8,905 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขาดทุนสต๊อกน้ำมันถึง 4,461 ล้านบาท และขาดทุน จากค่าเผื่อการลดลงของสินค้าคงเหลือ 2,673 ล้านบาท