สมาชิกอาร์เซ็ป 15 ประเทศ ประชุมทางไกลขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมายของความตกลง ตั้งเป้าทำให้เสร็จทั้ง 20 บทภายในก.ค.นี้ ก่อนลงนามภายในสิ้นปีนี้ เผยยังได้ทำข้อเสนอดึงอินเดียกลับเข้าสู่วงเจรจา ยื่นทางออก พร้อมหารือในประเด็นอ่อนไหวที่อินเดียมีความกังวล
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในคณะกรรมการเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ระหว่างอาเซียน และ 6 ประเทศคู่เจรจา คือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เปิดเผยว่า ผู้แทนจากประเทศสมาชิก 15 ประเทศ ยกเว้นอินเดีย ได้ประชุมระดับคณะกรรมการ ครั้งที่ 29 ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ 20-29 เม.ย.2563 ที่ผ่านมา โดยได้หารือถึงการขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมายของความตกลงอาร์เซ็ป และจากนี้ สมาชิกจะประชุมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมายให้เสร็จทั้ง 20 บท ภายในเดือนก.ค.2563 เพื่อให้สมาชิกมีเวลาเตรียมการภายในประเทศให้เสร็จสิ้นทันต่อการลงนามความตกลงในสิ้นปีนี้
ส่วนการหาแนวทางให้อินเดียกลับมาเจรจาต่อ หลังจากไม่เข้าร่วมการประกาศความสำเร็จของการเจรจาเมื่อเดือนพ.ย.2562 ที่กรุงเทพฯ สมาชิกได้หารือประเด็นคงค้างของอินเดีย และร่วมกันจัดทำเอกสารข้อเสนอที่จะยื่นให้อินเดียพิจารณากลับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาร์เซ็ป ตามที่ผู้นำและรัฐมนตรีอาร์เซ็ปได้ตกลงที่จะร่วมกันหาทางออกต่อข้อเสนอของอินเดีย และสมาชิกทั้ง 15 ประเทศยังคงยืนยันที่จะให้อินเดียกลับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาร์เซ็ป โดยมุ่งหวังให้อาร์เซ็ปเป็นเวทีแห่งการสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าและการลงทุนที่มั่นคงในภูมิภาค ที่เอื้ออำนวยต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
สำหรับเอกสารข้อเสนอที่จะยื่นให้อินเดีย จะระบุถึงการหาทางออกในประเด็นอ่อนไหวของอินเดียในเรื่องการลดภาษีสินค้านำเข้าจากสมาชิก ซึ่งอินเดียมีความกังวลในปัญหาการขาดดุลการค้ากับสมาชิกหลายประเทศ และข้อเสนอกระบวนการหารือตามกรอบเวลา เพื่อให้ทันต่อการลงนามความตกลงในปลายปีนี้ โดยจะต้องหารือร่วมกับอินเดียในรายละเอียดต่อไป
นอกจากนี้ การประชุมครั้งนี้ ยังประสบความสำเร็จในอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะการปรับตารางข้อผูกพันเปิดตลาดของสมาชิกให้อยู่ในรูปแบบเดียวกัน และการจัดตั้งกลไกการทำงานของอาร์เซ็ป ภายหลังรัฐมนตรีอาร์เซ็ปได้ลงนาม และความตกลงมีผลบังคับใช้
ทั้งนี้ หากมีการลงนามความตกลงอาร์เซ็ป จะเป็นความตกลงการค้าเสรีขนาดใหญ่ มีสมาชิกรวม 16 ประเทศ มีประชากรรวมกันเกือบ 3,600 ล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของประชากรโลก มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) คิดเป็น 1 ใน 3 ของจีดีพีโลก และจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะสร้างกิจกรรมการค้าเพิ่มขึ้น โดยสินค้าไทยที่จะได้ประโยชน์ เช่น น้ำตาล อาหารแปรรูป มันสำปะหลัง กุ้ง ข้าว และสินค้าเกษตรอื่นๆ และธุรกิจบริการที่จะได้ประโยชน์ เช่น ก่อสร้าง ค้าส่งค้าปลีก ธุรกิจสุขภาพ ท่องเที่ยว ธุรกิจเกี่ยวกับภาพยนตร์และบันเทิง เป็นต้น รวมทั้งยังดึงดูดการลงทุนคุณภาพให้กลับเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย เช่น นวัตกรรมและดิจิทัล เวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ และโลจิสติกส์ เป็นต้น