xs
xsm
sm
md
lg

สมาชิก RCEP รับมือโควิด-19 นัดประชุมทางไกลครั้งแรก เร่งเดินหน้าลงนามความตกลงปลายปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สมาชิก RCEP รับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ประชุมผ่านระบบทางไกลครั้งแรกฉลุย จับมือเดินหน้าขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมาย คาดแล้วเสร็จภายใน ก.ค.นี้ เพื่อให้สามารถลงนามได้ในปลายปี ตามที่ผู้นำตั้งเป้าเอาไว้ พร้อมนัดประชุมคณะเจรจาอีกครั้ง 20-24 เม.ย. หารือปรับตารางข้อผูกพัน ตั้งกลไกการทำงานของ RCEP และดึงอินเดียเข้าร่วมวง

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP-TNC) ฝ่ายไทย ได้เข้าร่วมการประชุม RCEP ผ่านระบบการประชุมทางไกล ซึ่งถือเป็นการนำมาใช้ในการประชุมเป็นครั้งแรกหลังจากที่ในช่วงที่ผ่านมาประเทศต่างๆ มีมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าออกประเทศ จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถจัดการประชุม RCEP ตามรูปแบบปกติได้

การประชุมครั้งนี้ได้มีการหารือเกี่ยวกับแผนการทำงานในปี 2563 โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่วมกันว่าจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการประชุมต่างๆ ของ RCEP ในช่วงนี้จนถึงช่วงกลางปี 2563 เช่น การประชุมคณะทำงานขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมาย และการประชุมคณะกรรมการเจรจาจัดทำความตกลง RCEP เป็นต้น มาเป็นการประชุมผ่านระบบทางไกลแทน

“ที่ผ่านมาคณะทำงานเพื่อขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมาย ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว 6 บท เหลืออีก 14 บท ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ และหลังจากนี้สมาชิกจะประชุมผ่านระบบทางไกลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมายแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค. 2563 ซึ่งจะทำให้สมาชิก RCEP มีเวลาเพียงพอในการดำเนินกระบวนการภายในได้ทันการลงนามความตกลงในปลายปีนี้ตามที่ผู้นำ RCEP ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้” นางอรมนกล่าว

นางอรมนกล่าวว่า การประชุม RCEP-TNC ครั้งที่ 29 จะมีการประชุมทางไกลระหว่างวันที่ 20-24 เม.ย. 2563 เพื่อหารือประเด็นคงค้าง เช่น การปรับตารางข้อผูกพันของสมาชิก RCEP ให้อยู่ในรูปแบบเดียวกัน การจัดตั้งกลไกการทำงานของ RCEP ภายหลังความตกลงมีผลบังคับใช้ และการประสานงานกับอินเดียเพื่อร่วมอยู่ในความสำเร็จของ RCEP เป็นต้น โดยการนำการประชุมผ่านระบบทางไกลมาใช้ ซึ่งจะทำให้การทำงานของ RCEP ดำเนินไปได้ตามกำหนด

สำหรับการลงนามความตกลง RCEP จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการในภูมิภาค โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งในส่วนของไทย RCEP จะช่วยขยายการส่งออก รวมทั้งช่วยยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารของไทย โดยเฉพาะน้ำตาล อาหารแปรรูป มันสำปะหลัง กุ้ง และข้าว ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารส่งออกที่สำคัญ จะสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก และยังจะช่วยสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ให้สามารถเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่าในระดับภูมิภาคได้ พร้อมทั้งสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยในการเข้าไปลงทุนในประเทศสมาชิก RCEP ในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น ก่อสร้าง ค้าปลีก ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจเกี่ยวกับภาพยนตร์และบันเทิง เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น