BLCP สนองต่อนโยบายรัฐ ลดการใช้น้ำดิบได้ถึง 100% โดยนำน้ำทะเลมาผลิตเป็นน้ำจืดแทน เพื่อให้เกษตรกรและชาวระยองมีน้ำใช้อย่างเพียงพอช่วงวิกฤตภัยแล้ง
นายยุทธนา เจริญวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมสนับสนุนการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ที่ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ ในการปรับลดปริมาณการใช้น้ำร้อยละ 10 เพื่อลดผลกระทบภัยแล้งขาดแคลนน้ำภาคตะวันออก
เดิมบริษัทฯ รับน้ำดิบจากบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ ‘อีสวอเตอร์’ โดยเฉลี่ยประมาณ 23,500 ลบ.ม./เดือน หลังจากที่ กนอ.ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมให้ลดการใช้น้ำดิบลง 10% บริษัทได้มีมาตรการลดการใช้น้ำ และมีนโยบายผลิตน้ำประปาและน้ำดิบจากน้ำทะเล (Reverse Osmosis Sea water Desalination Plant : RO Water) ไว้ใช้ภายในบริษัทแม้ว่าการดำเนินการจะมีต้นทุนค่อนข้างสูงกว่าการใช้น้ำดิบก็ตาม
โดยในเดือนมกราคม 2563 ใช้น้ำดิบอยู่ที่ 20,205 ลบ.ม. เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ลดลงเหลือ 5,054 ลบ.ม. และตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นมา บริษัทฯ ได้แจ้งความประสงค์หยุดรับน้ำดิบจากอีสวอเตอร์ เพื่อสนองต่อนโยบายภาครัฐและ กนอ. โดย BLCP ได้นำน้ำทะเลมาผลิตเป็นน้ำจืด (RO Water) เพื่อใช้ทดแทนน้ำดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตไฟฟ้า รวมถึงใช้สำหรับสาธารณูปโภค และใช้รดน้ำต้นไม้ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวภายในบริษัทฯ ทั้งหมด จนทำให้สามารถลดปริมาณการใช้น้ำดิบจากอีสวอเตอร์ ‘เหลือศูนย์’ จนถึงปัจจุบัน และจนกว่าสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
มาตรการลดการใช้น้ำของ BLCP ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจาก กนอ. และชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีทำให้มีน้ำใช้ในชีวิตประจำวันและการเกษตรในช่วงฤดูแล้งนี้