กระทรวงพลังงานประเมินสถานการณ์การใช้พลังงานจากวิกฤตโควิด พบแนวโน้มสิ้นปี 63 ความต้องการใช้ลดลงทุกประเภท ทั้งไฟฟ้า น้ำมัน และก๊าซ “สนธิรัตน์” เร่งหน่วยงานเฟ้นมาตรการช่วยประชาชนลดรายจ่ายด้านพลังงาน พร้อมกระตุ้นให้เกิดการลงทุน สร้างการจ้างงาน เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่มีต่อภาคพลังงานพบว่า ในระยะสั้นส่งผลต่อความต้องการใช้พลังงานลดลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นผลมาจากการกำหนดมาตรการที่จำกัดการเดินทาง การกำหนดระยะห่างทางสังคม และการระงับการโดยสารทางอากาศ ส่วนผลกระทบในระยะกลาง จะทำให้ความต้องการพลังงานลดลงตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงในปี 2563 อย่างไรก็ตามกระทรวงฯจะติดตามสถานการณ์พลังงานโดยรวมเพื่อไม่ให้กระทบต่อทุกภาคส่วนและยังมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดเตรียมมาตรการด้านพลังงานรองรับในทุกมิติทั้งปัจจุบันและหลังโควิด-19 จบลงเพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ
“กระทรวงพลังงานทำงานอย่างหนัก เราไม่เคยหยุดนิ่งเลย เราระดมทุกเครื่องมือและทุกสรรพกำลังในการต่อสู้กับโควิด-19ร่วมกับรัฐบาลและประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ผมยังได้สั่งการให้ผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเตรียมงานและมาตรการต่างๆ ออกมารองรับและช่วยเหลือประชาชนในด้านพลังงานในทุกมิติ และทุกแง่มุมซึ่งจะทำทั้งในช่วงเวลานี้และในช่วงหลังวิกฤตการณ์โควิด-19 จบสิ้นลงแล้ว โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวม” นายสนธิรัตน์กล่าว
สำหรับภาพรวมการใช้ไฟฟ้า ช่วงเดือน ม.ค. - 13 เม.ย. 2563 มีความต้องการใช้ไฟฟ้าในระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นเพียง 1.55% คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2563 ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะลดลง 0.69% เมื่อเทียบกับปี 2562 คือเหลือเพียง 196,873 ล้านหน่วย และความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือพีกไฟฟ้าจะลดลง 2.9% เหลือเพียง 29,957 เมกะวัตต์อย่างไรก็ดี ความสามารถของกำลังการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.ในช่วงสถานการณ์ภัยแล้งยังสามารถดำเนินการได้โดยไม่กระทบต่อระบบไฟฟ้า
ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ความต้องการใช้ช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) 2563 มีแนวโน้มลดลง โดยการใช้น้ำมันเบนซินลดลง 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปี 2562 ซึ่งเมื่อเทียบการใช้ในเดือน เม.ย. กับ มี.ค. 2563 มีปริมาณลดลงถึง 17.5% ส่วนน้ำมันดีเซลแม้ว่าช่วงไตรมาสแรกปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แต่เมื่อเทียบเดือน เม.ย.ที่ผ่านมากับเดือนมี.ค.ก่อนหน้า ปริมาณการใช้ดีเซลก็ลดลงถึง 12.3%
สำหรับก๊าซธรรมชาติ ไตรมาสแรกปีนี้ ความต้องการใช้อยู่ในระดับคงที่ คาดว่าตั้งแต่ เม.ย.จนถึงสิ้นปี 2563 ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเมื่อเทียบกับแผนเดิมจะมีแนวโน้มลดลงเฉลี่ยประมาณ 557 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หรือลดลง 12% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและราคาน้ำมันในตลาดโลก ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่ลดลงส่วนใหญ่คาดว่าจะมาจากความต้องการใช้ที่ลดลงของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ (GSP) ภาคอุตสาหกรรม และภาคไฟฟ้า