“ศักดิ์สยาม” ลงพื้นที่โรงงานมักกะสัน ให้กำลังใจพนักงาน ร.ฟ.ท.หลังพบติดเชื้อโควิด-19 ขณะที่มีผู้ใกล้ชิดเสี่ยงสูง อีก 24 ราย ส่งตรวจรอผลวันนี้ เผยอย่าตื่นตระหนกและไม่ประมาท ยันไม่หยุดบริการ พร้อมเดินหน้าฟื้นฟูและก่อสร้างรถไฟทางคู่ตามแผน
วันนี้ (10 เม.ย.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่โรงงานมักกะสันเพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจพนักงานและลูกจ้างการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) หลังจากที่พบมีพนักงานในโรงงานมักกะสันติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จำนวน 1 คน พร้อมจัดหาอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ เช่น แจกหน้ากากอนามัย 2,500 ชิ้น และเจลแอลกอฮอล์ขวดเล็ก 2,500 ขวด และขวดใหญ่ 100 ขวด ที่ได้รับมอบจากกระทรวงสาธารณสุข ให้แก่พนักงาน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รัฐบาล กระทรวงคมนาคม และผู้บริหารร.ฟ.ท.ห่วงใยสุขภาพของพนักงาน ร.ฟ.ท.ทุกคนที่ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้บริการประชาชน และพร้อมให้ความช่วยเหลือ ซึ่งพนักงานในโรงงานมักกะสันมีไม่น้อยกว่า 800 คน และยังมีครอบครัวที่พักอาศัยในพื้นที่ด้วย ซึ่งกรณีที่มีพนักงานในโรงงานมักกะสันติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 คนนั้น และขอให้อย่าตื่นตระหนก และให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ทำตามข้อแนะนำของกรมควบคุมโรคติดต่อ และกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดและไม่ประมาท
ทั้งนี้ รถไฟเป็นบริการขนส่งที่สำคัญ เป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ และแม้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่การเดินรถไม่สามารถหยุดได้ จึงมีการจัดเดินรถเท่าที่จำเป็น เพื่อให้บริการสำหรับประชาชนที่มีความจำเป็นเดินทาง ซึ่งยังมีประมาณ 1,500-2,000 คนต่อวัน
“ขณะนี้ ร.ฟ.ท.ใช้วิกฤตจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคฯ เป็นโอกาสทองจากการหยุดเดินขบวนรถ เพื่อทำการซ่อมแซม และปรับปรุงขบวนรถที่ชำรุดให้สามารถกลับมาให้บริการประชาชนได้สมบูรณ์อีกครั้ง”
อย่างไรก็ตาม ให้เน้นการดำเนินการด้านการคัดกรอง COVID-19 การใช้บริการระบบขนส่ง 7 ขั้นตอน คือ 1) คัดกรองประชาชน ผู้ปฏิบัติงาน ผู้โดยสาร ก่อนเข้าอาคารที่พักผู้โดยสาร 2) คัดกรองผู้โดยสารก่อนเข้าไปในยานพาหนะ 3) คัดกรองผู้โดยสาร ผู้ปฏิบัติงาน ก่อนออกจากอาคารที่พักผู้โดยสาร 4) เมื่อพบผู้มีอาการป่วย ดำเนินการตามระเบียบที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด 5) เว้นระยะห่างในจุดจำหน่ายตั๋ว จัดที่นั่งบนยานพาหนะ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด 6) แนะนำผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัย และแว่นตาตลอดการเดินทาง และ 7) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลให้กระทรวงคมนาคมทราบทุกวัน
นายศักดิ์สยามกล่าวต่อว่า ร.ฟ.ท.จะต้องมีความพร้อมที่จะกลับมาให้บริการเต็มรูปแบบภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ยุติ ซึ่งขณะนี้นโยบายในการฟื้นฟูกิจการรถไฟ การดำเนินโครงการขนาดใหญ่ ทั้งโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ โครงการรถไฟความเร็วสูง และการปรับปรุงประสิทธิภาพอื่นๆ ยังคงดำเนินการต่อไปอย่างเป็นระบบ ขอให้พนักงานร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
นายศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ รองผู้ว่าการ กลุ่มธุรกิจการซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อน ร.ฟ.ท. กล่าวว่า หลังจากพบพนักงานรถไฟติดโควิด-19 ซึ่งเป็นพนักงานตำแหน่งช่างฝีมือ สังกัดส่วนซ่อมบำรุงรถดีเซลรางปรับอากาศส่วนล่าง โรงงานมักกะสัน ร.ฟ.ท.ได้ดำเนินการตามขั้นตอน โดยประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรมควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานเขตราชเทวี โรงพยาบาลหัวเฉียว และโรงพยาบาลจุฬาฯ มีการ สอบถามข้อมูลจากผู้ป่วย เพื่อสืบย้อนหลังกลับไปหาผู้ใกล้ชิด กลุ่มเสี่ยง และมีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรค ภายในโรงงานมักกะสัน และบ้านพักพนักงานทั้งหมดที่มี 651 ครัวเรือน
จากการคัดกรองผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 49 ราย มีผู้มีความเสี่ยงสูง 24 ราย (เป็นคนในบ้านพักรถไฟ 10 ราย พนักงานรถไฟ 14 ราย) และพบมีผู้เสี่ยงต่ำ 25 ราย (เป็นพนักงานรถไฟ) โดยได้เก็บตัวอย่างกลุ่มเสี่ยงสูง 24 รายส่งตรวจแล้ว และจะทยอยทราบผลเบื้องต้นบางรายภายในวันนี้ (10 เม.ย.)